การปรากฏของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ บนเวทีดีเบต นครราชสีมา มีความแหลมคม
ไม่เพียงเป็นความแหลมคม ณ เบื้องหน้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ไม่เพียงเป็นความแหลมคม ณ เบื้องหน้า นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
หากแหลมคม ณ เบื้องหน้า นายวิรัช รัตนเศรษฐ
เพราะว่า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ อยู่บนเวทีในฐานะตัวแทนแห่งพรรคก้าวไกลจึงฉายสะท้อนไปยังพรรคอนาคตใหม่ ไปยัง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
แม้ว่าเมื่อเดือนมีนาคม 2562 จะเคย สวมเสื้อพรรคประชาธิปัตย์
ภาพแห่งการเปรียบเทียบจาก นายพริษฐ์ วัชรสินธุ จึงมากด้วยความลึกซึ้ง
กล่าวสำหรับ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ย่อมมากด้วยความละเอียดอ่อนเพราะก่อนหน้านี้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ก็เคยสวมเสื้อสีฟ้า
ทั้งเมื่อพูดถึงโครงสร้าง “การศึกษา” ก็ฉาดฉานอย่างยิ่ง
ยิ่งเมื่อนำเอาความสดใสไปวางเคียงกับ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ยิ่งเห็นความแตกต่างเหมือนอยู่กันคนละโลก
เป็นโลกของนักการเมือง “เก่า” กับ “ใหม่”
มองผ่าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ไปยัง “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรียิ่งเห็นภาพชัด
ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เท่ากับความ “ใหม่” มายืนเรียงเคียงกับความ “เก่า”
การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ภาพของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกในเชิงเปรียบเทียบในลักษณะเดียวกันนี้
และยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อมองผ่าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เข้าไป
อย่าได้แปลกใจที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เลือกที่จะมาอยู่กับพรรคก้าวไกล
เพียงเปลี่ยนสีเสื้อ เพียงเปลี่ยนจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่พรรคก้าวไกล ความสามารถของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ก็โดดเด่น
เรื่องนี้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รู้สึกได้โดยตนเอง