บทบาทของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากเป็นบทบาทในการเปิดในเรื่อง “บ่อน” เนื่องจากเป็นบทบาทในการฉายชี้ให้เห็นเส้นสนกลในของ “สถานบันเทิง”
เรียกได้ว่าเป็น “ธุรกิจสีเทา”
ลำพังเรื่องของ “บ่อน” เรื่องของ “สถานบันเทิง” สังคมก็ให้ความสนใจอย่างยิ่งยวดอยู่แล้ว แต่นี่เป็นเครือข่ายของ “มาเฟียจีน” เข้ามามีบทบาทในการโลดเต้น
สายตาจึงทอดมองและติดตามอย่าง ตื่นตา
ความตื่นตา 1 เพราะสัมพันธ์กับตำรวจ ความตื่นตา 1 เพราะสัมพันธ์กับการเมือง
เมื่อเป็นธุรกิจ “สีเทา” ตำรวจที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องย่อมมิได้เป็นตำรวจอย่างธรรมดา แต่ละท่วงท่าจึงโลดโผนโจนทะยาน
ตั้งแต่ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” กระทั่ง “ผับจินหลิง”
ยิ่งเมื่อมีอดีตนายตำรวจคนดังซึ่งโคจรอยู่ในธุรกิจบ่อนและสถานบันเทิงออกโรงมาในด้านตรงกันข้ามกับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยิ่งทำให้กลายเป็นประเด็น
เป็นประเด็นอันโยงถึง “การเมือง”
เพียงลำพัง “กองเชียร์” ของแต่ละฝ่ายก็มากด้วยสีสันอย่างน่าเกาะติดและติดตาม
เพราะมุมหนึ่งพยายามโยงเข้าหานักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ เพราะมุมหนึ่งก็พยายามโยงเข้าหานักการเมืองในพรรคเพื่อไทย
จนมีการแตะเข้าไปยังเครือข่าย “รถทัวร์” ก็ยิ่งฮือฮา
เพราะเท่ากับโยงเข้าหาเครือข่ายพรรครวมไทยสร้างชาตินอกเหนือจากพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยล้วนเป็นคนใหญ่คนโต
ระดับมี “ตำแหน่ง” ระดับเป็น “รัฐมนตรี”
อย่าได้แปลกใจหากทุกครั้งที่มีการไลฟ์ ยอดคนเข้ารับชมและติดตามจะพุ่งกระฉูด
ยืนยันให้เห็นว่าเรื่อง “ธุรกิจสีเทา” ที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาเปิด “จุดติด” กลายเป็นประเด็นข้ามจากปี 2565 มายังปี 2566
อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างอึกทึกตามมา