การเปิดประเด็นรัฐบาล พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย เพื่อไทย มากด้วยความแหลมคม
หากจับ “เส้นทาง” แห่งการปล่อยข่าวก็จะจับได้ว่า 1 มาจากคนที่เคยเป็น “กุนซือ” ทำงาน ใกล้ชิดอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
และ 1 มาจาก “วาทกรรม” จากปาก “ครูใหญ่”
ในเมื่อเป็นปากของ “ครูใหญ่” แห่งพรรคภูมิใจไทย น้ำหนักและความน่าเชื่อถือจึงดำรงอยู่ อย่างสูงประสานกับยอดคำเท่ที่ว่า
ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวรในทางการเมือง
หากมองอย่างผิวเผินนี่ย่อมดำเนินไปภายใต้กลยุทธ์ “ลับ ลวง พราง” อย่างเด่นชัด
เพราะว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือ “พี่ใหญ่” ในครอบครัวใหญ่แห่ง “พี่น้อง 3 ป.” มีความสัมพันธ์ยาวนานกว่า 50 ปี
ตั้งแต่ “ผบ.ทบ.” กระทั่ง “นายกรัฐมนตรี”
ขณะเดียวกัน บทบาทของพรรคภูมิใจไทยก็เป็นบทบาทที่ต่อยอดทางการเมือง ไม่ว่ายุคที่ร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แนบแน่นอยู่กับใคร มีใครบ้างไม่รู้
ความแหลมคมของข่าวปล่อยนี้อยู่ตรงที่ดึง “พรรคเพื่อไทย” มาเป็นตัวละคร
เพราะภาพของพรรคเพื่อไทยคือภาพของพรรคการเมืองที่ต่อต้านรัฐประหาร ไม่ว่าจะ เป็นเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
แล้วอยู่ๆ จะร่วมกับพลังประชารัฐและภูมิใจไทยได้อย่างไร
เพียงเพราะพรรคพลังประชารัฐไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงเพราะเป็นแผนที่จะสกัดพรรค รวมไทยสร้างชาติให้หลุดไปจากวงจร
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเริ่มต้นกับ “นาย” ได้ใหม่
พลันที่มีการปล่อยข่าวลือนี้ออกมาสายตาก็จับไปยังพรรคเพื่อไทยเป็นจุดเดียว
แม้พรรคเพื่อไทยจะยืนยันว่าการตัดสินใจต้องรอให้ผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ณ วันนี้ยังยืนยันเป้าหมายที่จะ “แลนด์สไลด์” ประการเดียว
กระนั้น การรุกและเร่งเร้า “คำตอบ” ก็เกิดขึ้นอย่างร้อนแรง