บทบาทของ ส.ก.พรรคก้าวไกลกำลังได้รับการจับตามองอย่างชนิด “เกาะติด”
ในวันเดียวกับที่มีการประชุมและเลือกตั้ง ประธาน รองประธาน และทีมงานโฆษกของสภากรุงเทพ มหานครขึ้น ส.ก.พรรคก้าวไกลก็ขยับ
เป็นการขยับพร้อมกับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ไม่เพียงแต่จะประกาศให้การสนับสนุนการทำงานของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เท่านั้น หากแต่พร้อมขับเคลื่อน“นโยบาย”ของพรรคก้าวไกล
ตรงนี้แหละที่ละเอียดอ่อนและมีนัยสำคัญ
การดำรงอยู่ของส.ก.พรรคก้าวไกลประสานกับการดำรงอยู่ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ต้องยอมรับว่าหากมองจากการต่อสู้ก่อนวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อยู่ในลักษณะต้องปะทะกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ผลก็เห็นอย่างเด่นชัดว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กำชัยเหนือกว่า
ขณะเดียวกัน จำนวน 14 ส.ก.ที่พรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากชาวกรุงเทพมหานครก็ทรงความหมาย เพราะจะเป็นรองเพียง 20 ส.ก.พรรคเพื่อไทย
“แถลงการณ์ร่วม” คือนิมิตหมายแห่ง การร่วมมือกัน
ความสัมพันธ์กับส.ก.พรรคเพื่อไทยก็ดำเนินไปเช่นเดียวกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ภายหลังวันที่ 22 พฤษภาคม ด้านหลักของความสัมพันธ์คือการเป็นพันธมิตรในแนวร่วมเดียวกันในการสนับสนุนผู้ว่าฯ กทม.
แต่ภายในการร่วมนั้น “การต่อสู้” ก็ยังดำรงอยู่
เพียงแต่มิได้เป็นการต่อสู้ในแบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” หากแต่เป็นการต่อสู้ในลักษณะของการยืนหยัดต่อ“นโยบาย”ที่เคยให้ไว้กับชาวกรุงเทพมหานคร
จึงต้องมี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มาแสดงบทบาทร่วม
บทบาทของพรรคอนาคตใหม่ ที่พรรคก้าวไกลสืบทอดใน“สภา”มีความโดดเด่นยิ่ง
ความโดดเด่นที่เห็นผ่าน“รัฐสภา”เกียกกายจึงได้ รับการจำลองอย่างมีกัมมันตะผ่านบทบาทของ 14 ส.ก. ใน “สภากรุงเทพมหานคร”โดยอัตโนมัติ
สะท้อนและยืนยันการเมืองในแบบ อนาคตใหม่ ก้าวไกล