วิษณุ แจงปม ‘ทักษิณ’ ลั่นพร้อมรับโทษ ชี้คดีไหนถึงที่สุดแล้วต้องเข้าคุก เพราะถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ระบุ เรื่องควบคุมตัวนอกเรือนจำ เป็นแค่นโยบาย

เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม. กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความขออนุญาตกลับประเทศไทยในเดือน ก.ค.นี้ และพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย จะต้องกลับมารับโทษตามกฎหมายหรือไม่ว่า เท่าที่จำได้ คดีของนายทักษิณ มีอยู่ 3 ประเภท คือ 1.คดีที่ศาลตัดสินแล้ว และนายทักษิณ ไม่ได้มารับโทษ 2.คดีที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน 3.คดีที่ศาลตัดสินแล้วว่านายทักษิณ ไม่มีความผิด ดังนั้น ต้องดูว่า คดีของนายทักษิณเข้าข่ายประเภทใด แล้วต้องดำเนินการไปตามคดีประเภทนั้นๆ

เมื่อถามว่าคดีที่ศาลตัดสินให้จำคุกแล้วนั้น นายทักษิณ ยื่นขอประกันตัวได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องติดคุก จะไปยื่นขอประกันตัวไม่ได้ จึงต้องรับโทษอย่างเดียว เหมือนกับที่ไปฟังคำพิพากษาและศาลตัดสิน พอศาลตัดสินก็ไม่ต้องประกันแล้ว เพราะถือว่าคดีถึงที่สุด จากนั้นต้องเข้าสู่การควบคุมตัวของทางราชการ อย่างที่รมว.ยุติธรรมคนที่แล้ว เคยให้ข่าวว่ามีแนวคิดที่ให้ควบคุมตัวนักโทษที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นที่เรือนจำ โดยประกาศให้เสมือนเป็นเรือนจำ เรื่องนี้เป็นแค่นโยบาย ยังไม่มีการดำเนินการอะไร ผู้ต้องโทษจึงต้องเข้าสู่สถานควบคุมของทางราชการ ควบคุมตัวที่บ้านไม่ได้

เมื่อถามว่าเมื่อนายทักษิณ กลับเข้าประเทศแล้ว จะมีกระบวนการทางกฎหมายใดที่เอื้อต่อนายทักษิณหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่รู้ มาถามอะไรที่ตน ขอให้ไปถามทนายความของนายทักษิณ

เมื่อถามว่าหลักเกณฑ์ของกระทรวงยุติธรรมระบุไว้ว่า หากจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ก่อน นายวิษณุ กล่าวว่า มีอยู่ 2 อย่าง คือ 1.การขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์หรือผู้ต้องโทษเป็นรายบุคคล ซึ่งสามารถยื่นขอได้ตั้งแต่วันแรก

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพระราชอำนาจ และความประสงค์ของผู้ยื่นขอ ส่วนจะได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 2.การขอพระราชทานอภัยโทษโดยการออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งจะต้องมีการรับโทษก่อน แล้วจะต้องรับโทษมาไม่น้อยกว่า 8 ปี หรือ 1 ใน 3