ประธานวิปรัฐบาล รับเสียงรัฐบาลวิกฤต หลัง ส.ส.หายไป 21 คน ด้าน ‘หน.ป้อม’ บอกไร้ปัญหา เชื่อ ‘ธรรมนัส’ ยังหนุน เผยยังไม่ได้กลิ่นยุบสภา
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดปัญหาการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่อาจส่งผลกระทบต่อเสียงของรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร โดยยอมรับว่า วิกฤตเพราะปกติเสียงรัฐบาลเกินกึ่งไม่เท่าไร ประมาณ 20 กว่าเสียง ทั้งนี้ เมื่อมีสมาชิกแยกออกไป 21 เสียง ก็จะทำให้มีปัญหา แต่ตนคิดว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แม้จะออกไปอยู่พรรคใหม่ ก็ยังคงสนับสนุนรัฐบาลต่อ เพราะเห็นจากการแถลงข่าวเช่นนั้น
นายนิโรธ กล่าวต่อว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้พูดคุยกับตน โดยยืนยันว่า เรายังเป็นพี่น้องร่วมทำงานกันเหมือนเดิม ยังพูดคุยกันได้เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เสียงที่รวมกันอยู่ทั้งหมด ก็ยังเกินอยู่ไม่เท่าไร และธรรมชาติเวลาการประชุม ส.ส.บางครั้งมีการลาป่วยบ้าง ติดภารกิจบ้าง
“ยอมรับผมกังวล และคิดว่าเสียงรัฐบาลในสภาตอนนี้วิกฤต แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็เตรียมความพร้อมคิดว่าน่าจะผ่านอุปสรรคปัญหาไปได้” ประธานวิปรัฐบาลกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะประธานวิปรัฐบาลจะเตรียมรับมือเสียงที่วิกฤตนี้อย่างไร โดยเฉพาะกฎหมายลูกที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภา นายนิโรธ กล่าวว่า คิดว่าฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะร่วมมือกันในเรื่องดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นกฎหมายสำคัญ เป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญในการเลือกตั้ง เชื่อว่าผู้แทนราษฎรจะช่วยกันให้ผ่านไปด้วยดี ประเด็นนี้คิดว่าไม่น่ามีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ยอมรับหรือไม่ว่าการประสานหรือคุมเสียงในสภา เป็นลักษณะการทำงานแบบหืดขึ้นคอ นายนิโรธ กล่าวว่า ตนเข้ามาในช่วงรอยต่อ และเป็นช่วงปีที่ 3 สิ่งที่ไม่คาดฝัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ตนได้พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ความสามารถ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาสภายังไม่ได้ล่มจริงๆ และผ่านไปได้ กฎหมายสำคัญ 4 ฉบับก็ผ่าน
เมื่อถามว่า หัวใจสำคัญการประชุมวิป เน้นประเด็นอะไร นายนิโรธ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญก็เป็นเรื่ององค์ประชุม เรื่องกฎหมายก็เดินไปตามครรลอง ตามขั้นตอนของมัน แต่หัวใจจริงๆ คือเรื่องขององค์ประชุม ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีบางคนติดโควิด และมีความใกล้ชิดกับ ส.ส.บางส่วนจะเป็นปัญหาหรือไม่นั้น ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะต้องมีการกักตัวกัน
นายนิโรธ กล่าวต่อว่า ตนได้แจ้งไปยังกลุ่มผู้แทนพรรคพลังประชารัฐ ให้ไปตรวจ ATK ให้เรียบร้อย และตนก็ตรวจแล้วปลอดภัย โดยรายงานให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้รับทราบแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าชงให้เลื่อนการประชุม แต่มันคือความรับผิดชอบที่ต้องแจ้งให้ประธานรับทราบว่ามีกรณีนี้เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าโดยสรุปวันนี้เสียงในสภาที่น่าห่วง คือสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ นายนิโรธ กล่าวย้ำว่า คงไม่น่ากังวล อย่างที่ ร.อ.ธรรมนัส แถลงไว้ และได้ย้ำว่า “ยังทำงานสนับสนุนรัฐบาลและลุงตู่เหมือนเดิม “
เมื่อถามว่า กรรมการบริหารพรรค พปชร.(กก.บห.)ที่ถูกขับออกไปจะต้องมีการประชุม และตั้งเข้ามาใหม่หรือไม่ นายนิโรธ กล่าวว่า ต้องตั้งในที่ประชุมใหญ่ โดยตำแหน่งนายทะเบียนและเลขาธิการพรรค หัวหน้าพรรคสามารถมอบหมายให้บุคคลที่กรรมการบริหารพรรค รักษาการหรือปฏิบัติหน้าที่แทนได้ แต่ต้องเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย โดยหัวหน้าพรรคไม่ต้องเรียกประชุม ส่วนการขับผู้แทนออกจากพรรค ทางพรรคจะต้องนำเสนอรายละเอียดต่อ กกต.ภายใน 15 วัน
“หลังเกิดเหตุวิกฤตภายในพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ บอกว่าไม่มีปัญหาในเรื่องขององค์ประชุม และขอให้ช่วยกันทำงานให้กับพรรคและรัฐบาล รวมถึงทำงานให้สภาด้วย”
เมื่อถามว่า กรณีนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ออกมาคัดค้าน ขอให้พรรคทบทวนมติขับออกจากพรรค ตรงนี้ได้คุยกันหรือยัง นายนิโรธ กล่าวว่า เท่าที่ทราบนายสมศักดิ์ ได้ยื่นคำร้องเข้ามาปกติแล้วถ้าอุทธรณ์ทางพรรคก็ต้องรับพิจารณา ส่วนผลจะเป็นประการใดก็เป็นอีกเรื่อง โดยฝ่ายกฎหมายของพรรคจะรับเรื่องและหัวหน้าพรรคจะเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคพิจารณาผลประการใด ซึ่งผลการขับ ส.ส.ออกจากพรรคยังไม่ได้แจ้งต่อ กกต. เพราะการทบทวนมติขับไล่ คงทบทวนเฉพาะบุคคลที่อุทธรณ์ ซึ่งยังมีเวลาอีกกว่าสัปดาห์ที่จะแจ้งต่อ กกต.
เมื่อถามว่า คิดว่าสึนามิในพรรคพลังประชารัฐจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายนิโรธ กล่าวว่า สึนามิไม่ได้มาบ่อยๆ นานๆ มาที ส่วนจะมีอาฟเตอร์ช็อกหรือไม่นั้น คิดว่าไม่น่ามี เพราะยังมีกฎหมายสำคัญที่จะเข้าสภาอีก โดยเฉพาะกฎหมายลูก เชื่อว่าน่าจะเสร็จเรียบร้อย ขอสภาอย่าล่มกันบ่อยเลย
เมื่อถามว่ามีกลิ่นยุบสภาหลังกฎหมายลูกเสร็จหรือไม่ นายนิโรธ กล่าวว่า จมูกไม่ค่อยได้กลิ่น คิดว่ายังไม่มี