"วินัย ไกรบุตร" ควงภรรยาเผยวิธีรักษาโรคตุ่มน้ำพองกว่า 3 ปี หมดเงินไปกว่า 4 ล้าน

Home » "วินัย ไกรบุตร" ควงภรรยาเผยวิธีรักษาโรคตุ่มน้ำพองกว่า 3 ปี หมดเงินไปกว่า 4 ล้าน



"วินัย ไกรบุตร" ควงภรรยาเผยวิธีรักษาโรคตุ่มน้ำพองกว่า 3 ปี หมดเงินไปกว่า 4 ล้าน

เมฆ-วินัย ไกรบุตร ขอควงภรรยา เอ๋ อรชัญญาช์ มาเผยวิธีรักษาตัวจากตุ่มน้ำพองนานกว่า 3 ปี สูญค่ารักษาไปกว่า 4 ล้านบาท เผยอาการดีขึ้นได้เพราะลูก และเปิดเผยปาฎิหารย์ที่เกี่ยวกับพญานาคใน รายการคุยแซ่บ SHOW ที่ได้ ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล และ เป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

อาการตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

เมฆ : “ตอนนี้หน้ายุบลงหมดแล้ว ตอนนี้สเตอรอยด์ (steroid) เหลือ 20 (หมายถึงวันคู่ 2 เม็ด วันคี่ 2 เม็ด) เรายังไม่ผ่าน นั่นหมายความว่ามันยังโผล่มาบ้างแต่ไม่ได้เป็นตุ่ม มันจะเป็นแค่นูนๆ เหมือนคนแพ้อาหาร ล่าสุดเราไปวัดภูมิที่โรงพยาบาลจุฬา จากที่แต่ก่อนเราขึ้นเกิน 3000 ตอนนี้ต่ำกว่า 50 แล้ว  ตอนนั้นที่เน่าทั้งตัวคือภูมิเราเพี้ยนไป 3000 กว่า ซึ่งภูมิของคนปกติต้องไม่เกิน 50 ของผมครั้งแรกที่เป็นรักษาหายออกจากโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็กลับมาโรงพยาบาลเป็นครั้งที่สอง แล้วก็ดีขึ้นพอไปวิ่งก็เน่าอีกก็กลับไปรักษาอีก คือผมเข้าโรงพยาบาล 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 ไม่ได้เข้าก็รักษาที่บ้าน ตอนนี้เป็นตอนที่ 4 คือตอนนี้ท้องยุบแล้ว เริ่มเวตได้ เริ่มวิ่งได้ เหลืออย่างเดียวคือลดสเตอรอยด์ให้เร็วที่สุด แต่การลดสเตอรอยด์มันจะลดทันทีไม่ได้ไม่เช่นนั้นจะช็อค ต้องค่อยๆ ลด”

เห็นสามีเป็นแบบนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง

เอ๋ : “มันก็ต้องอดทน และสร้างกำลังใจให้กันและกัน ถามว่าท้อไหม คือมีความโมโหมากกว่าเพราะพอจะดีปุ๊บเขาก็ดื้อ ครั้งแรกที่ออกจากโรงพยาบาลเราไม่รู้จักโรคนี้เลย ก็มีคนที่เคยเป็นแชทมาคุยและมาหาที่โรงพยาบาลหลังจากที่เป็นแล้ว เขาบอกว่าอาหารที่ไม่ควรกินคืออาหารแสลง พวกอาหารดิบหรืออาหารหมักดอง แซลมอลดิบ ปลาร้า แต่เราไม่รู้ คือพอออกมาเขาก็ออกไปทำงานที่พิษณุโลกแล้วไปเผลอกิน แซลมอล กินไม่กี่ชิ้น ก็พองเลย ครั้งแรกคือความประมาท ส่วนครั้งที่สองตอนนั้นมันดีขึ้นแล้วและเราก็เข้าใจว่า ยิ่งออกกำลังกายมันน่าจะดีขึ้นแต่ปรากฎว่า มันมีงานวิ่งก็ไปร่วมวิ่งกับพี่ตูน ด้วยความที่เขาเข้าใจเองว่าตัวเองแข็งแรง ก็เลยไปสปีดวิ่งให้เร็วขึ้น มันทำให้ร่างกายมันเหนื่อย ร่างกายก็เลยดึงยาไปใช้ คือแทนที่ยาจะไปรักษาโรค ก็ไปซ่อมส่วนที่ออกกำลังกาย สุดท้ายมันก็ทำให้ร่างกายวีค พอกลับไปหาคุณหมอประวิทย์ อัศวนนท์ ทำให้ทราบว่ายาไม่พอ จริงๆ วิ่งได้แต่ต้องให้ร่างกายพร้อม”   

เมฆ : “คือใครที่เป็นเหมือนผมอยู่ฟังไว้เลย คือถ้าคุณกิน สเตอรอยด์อยู่ 4 เม็ด คุณวิ่ง 5-10 กิโลได้  แต่ถ้าเขาลดเหลือ 2 เม็ด ถ้าจะวิ่งต้องระวัง เพราะว่ามันเป็นช่วงข้ามผ่านการลดสเตอรอยด์ ต้องออกกำลังกายเบาๆ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าดีใจคือเรามาถูกทางในการรักษา เพราะว่าช่วงนี้มันไม่ได้เป็นตุ่มแล้ว เพราะภูมิเรากลับมาเป็นปกติ 80-90 เปอร์เซ็นต์แล้ว”

เป็นตุ่มน้ำพองมานานแค่ไหนแล้ว

เอ๋ : “2 ปีกว่า 1 เมษายนที่ผ่านมาครบ 2 ปีพอดี ที่หนักสุดคือรอบที่ 3 เนื่องจากว่าเป็นช่วงโควิด เขาเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ คือด้วยความที่มันเริ่มดีขึ้นแล้วเราอยากใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ เราก็เลยแสดงว่าวิธีการรักษาแบบอื่น”

เมฆ : “คือเราก็ไปฝังเข็มเขาเรียกว่าเปิดจุดลมปราน พอไปทำกลับมาก็รู้สึกดีนะ เราก็มั่นใจและไม่เป็นอะไร คือตอนนั้นเราก็ทำควบคู่กันไปกับการรักษาของหมอที่จุฬา ยาเรายังทานอยู่ แต่ด้วยความที่มีการรักษาหลายอย่าง เราก็เลยไปลองอีกวิธีหนึ่งเป็นการรักษาแบบญี่ปุ่น เอาน้ำแข็งประคบ ใช้ผ้าพันทั้งหัว ทั้งตัว 3 ชั่วโมง และแช่น้ำแข็ง 15 นาที นอกจากนี้เราก็ไปทำแชมเบอร์ คือเข้าไปอุโมงค์ออกซิเจน เป็นแรงดันอากาศต่ำ เกือบ 30 ครั้ง”

เอ๋ : “คือเป็นออกซิเจนแรงดันต่ำเอาเข้าสู่ร่างกาย โดยเข้าสู่ผิวหนังและลมหายใจ เพื่อไปบำบัด คือวิธีนี้เข้าสำหรับพวกที่เป็นเบาหวาน ที่เน่าทั้งขา มันจะทำให้น้ำเหลืองดีขึ้น คือมันมีเป็นงานวิจัยจากทั้งอเมริกาและจีนว่าไม่มีเอฟเฟคกัลโรคอื่นๆ คือการรักษาวิธีนี้ถ้าไม่เสมอตัวก็จะดีไปเลย เราก็เลยลอง คือทุกวิธีดีหมด แต่มันก็มีทั้งดีและเสียอย่างแชมเบอร์มันทำให้ผิวดีขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่มันทำให้น้ำพองประทุเราต้องเจาะน้ำพองทุก 1 ชั่วโมง ซึ่งครั้งที่ 3 หนักสุดเพราะมันเป็นช่วงโควิดเราไม่กล้าเข้าโรงพยาบาล หนักแค่ไหนก็ต้องทน เราก็ใช้วิธีประคบน้ำแข็งเพื่อลดการอักเสบ”
 
ค่าใช้จ่ายในแต่ละวิธีที่เราไปมากน้อยแค่ไหน

เอ๋: “แต่ละวิธีหลักแสนหมดเลย”

เมฆ: “แต่ที่เรารวบรวมไว้ประมาณ 4 ล้าน ทั้งยาทา ยาทาน ทั้งวิธีรักษา ในระยะเวลา 2 ปีนิดๆ แต่ผมยังโชคดีที่มีผู้ใหญ่ช่วยเรื่องแชมเบอร์มาก็ทุ่นไปได้เยอะ ต้องขอบคุณมากๆ ตอนที่อยู่โรงพยาบาลผมก็โชคดีที่มีแฟนคลับมาช่วยหลายคน ที่นราธิวาส ปัตตานี กระบี่ คือในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผมทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเน่าทั้งตัว ไม่สามารถนอนดึกได้ ไม่สามารถมานั่งได้ เพราะมันคัน มันเจ็บ มันปวด ไม่มีอารมณ์คุยกับใคร กับลูกก็ไม่คุย กินยาที 6 เม็ดตามันพร่าเหมือนมีหมอกตลอดเวลา แล้วขี้โมโห คือสติเอาไม่อยู่”

เห็นว่ามีช่วงหนึ่งเกือบไม่รอดเกิดอะไรขึ้น

เอ๋ : “น่าจะเป็นช่วงที่เขาอยู่โรงพยาบาลจุฬา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เป็นใหม่ๆ คือจากคนที่รูปร่างดี หน้าตาดี อยู่ๆ ก็เป็นน้ำพองทั้งตัว เขาเล่าให้ฟังว่าพอเขามองตัวเองในกระจกเขาก็คิดว่า มันคงไม่รอดละ เขาก็โทรกลับมาว่าจะขายที่ จะโน่น นี่ นั่น ซึ่งเราก็บอกเขาว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เอาสุขภาพก่อน เดี๋ยวค่ารักษาจัดการเอง คือพี่ไม่ทำงาน เอ๋ก็ยังทำได้ คือเราไม่คิดว่าเขาจะไม่รอดนะ แต่เราคิดว่าเขาคงจะทรมานและมันต้องใช้เวลาในการรักษา”

เมฆ : “คือตอนนั้นมันเน่าทั้งตัวเลย น้ำเหลือวันหนึ่งดูดได้แก้วหนึ่ง สเตอรอยด์กินวันละ 12 เม็ด และต้องทายาวันหนึ่งไม่รู้ตั้งกี่หลอด พูดตรงๆ มีหลายแวบว่าไม่น่าจะรอด แต่ก็ลองดู เราก็อดทนให้ถึงที่สุด”

ช่วงนั้นที่พี่เมฆป่วย ในแต่ละวันต้องดูแลอะไรบ้าง

เอ๋ : “ต้องคอยดูดน้ำออกจากตุ่ม ซึ่งจะมีระยะเวลาในการดูดคือ ตี 2 เที่ยง และตอนทุ่ม มันเป็นเวลาของมัน”  

เมฆ : “ถามว่าเจ็บไหมมันเจ็บ มันทรมาน แต่ผมว่าโรคนี้มันต้องการความรัก ความอบอุ่น ต้องการกำลังใจ ความอดทน ผมต้องขอบคุณแฟนคลับ และต้องขอบคุณ เพื่อนวงการบันเทิง นักวิ่งที่ให้กำลังใจ เวลาเราเปิดเฟซแล้วมีคนให้กำลังใจ ให้เราสู้ๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องสู้และทุกวันนี้มันก็ดีขึ้นตามลำดับจริงๆ”

อาการดีขึ้นเพราะลูก ลูกพูดอะไรกับเราบ้าง

เอ๋ : “คือตอนนั้นที่เราไปทำแชมเบอร์แล้วมันเป็นเยอะ ซึ่งตอนนั้นก็มีคนอื่นจะแนะนำวิธีอื่นให้ไปรักษาที่เมืองนอก โดยแฟนคลับเขาจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ซึ่งลูกชายก็บอกกับเราว่า ถ้ามะม๊าลองอีกนะ จะไม่เรียกมะม๊าว่ามะม๊าแล้ว ไม่เห็นเหรอว่าปะป๊ากำลังจะหายแล้ว แล้วทำไมไปทำให้ปะป๊าทรมานอีก พอเขาพูดเราก็อึ้งว่าเขาเห็นสิ่งที่เราทำกันอยู่ เขาเข้าใจว่าพ่อเขาเจ็บ ทรมาน”

เมฆ : “วันนั้นผัวเมีย 2 คนนั่งน้ำตาไหล คือมันดีอยู่แล้วทำไมต้องไปลอง ทำไมต้องไปทำ”

มีอะไรจะบอกกับลูกๆ บ้าง

เมฆ : “คือที่สู้มาทุกวันนี้ก็เพื่อพวกเขา 2 คน พอเห็นเขาความคิดลบมันหายไป มันทำให้เราคิดบวก  ผมก็อยากให้ลูกเป็นกำลังใจให้เรา เป็นลูกที่ดี เป็นคนดีต่อไป”

เห็นว่ามีพระอาจารย์ทัก

เอ๋ : “คือมีทักหลายทางมาก มีมาทักคุณแม่ว่ามันเป็นกรรม คุณแม่ก็บอกไปว่าถ้าเขาดีขึ้นจะบวชที่อินเดีย และมีช่วงหนึ่งเหมือนเขาจะดีขึ้น ซึ่งคุณแม่เป็นคนรักสวยรักงามมาก เรายอมโกนหัวไปบวชที่อินเดีย 7 วัน”

เมฆ : “แล้วแม่ยายผมเขามีพระที่นับถืออยู่ที่อินเดีย เขาบอกว่าให้มาบอกผมว่าไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวเอง ให้งดเนื้อสัตว์ไปเลย พอกินเจแล้วจากหน้าที่ดำก็เริ่มมีสีชมพู พอไปตรวจ ร่างกายหมอพูดเลยว่าทุกอย่างดีหมด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตรวจเลย หมอถามว่ากินเจใช่ไหม สเตอรอยด์ จะขึ้นได้อย่างไรถ้าไม่เติม”

มีความเชื่อเรื่องพญานาค

เอ๋ : “ตอนนั้นพี่เมฆเริ่มดีขึ้นเพราะตุ่มมันหายไป แล้วตุ่มขึ้นเป็นนูนๆ แต่นูนเป็นเกล็ดทั้งหลังเลย”

เมฆ : “คือก่อนหน้านี้เราคิดจะทำธุรกิจ ก็มีพระมาทักว่าให้เรานับถือพญานาค บอกว่าพญานาคองค์ดำเป็นองค์ผม พอเอากลับไปที่กระบี่หลังผมก็ขึ้นเป็นเกร็ด เอ๋ก็บอกผมว่าเหมือนเกล็ดพญานาค”

เอ๋ : “จริงๆ มันมีเรื่องให้คิดเยอะเพราะหุ้นส่วนทุกคนที่ร่วมทำธุรกิจกับเรานับถือพญานาคหมดเลย แล้วทุกคนเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์เราก็คิดว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ตอนนี้เลยนับถือพญานาค เพื่อความสบายใจ อะไรที่ดีเราก็นับถือหมด” 

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ