ความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียวในชีวิตของพ่อเฒ่าวัย 70 คือลูกสาวที่แต่งงานไปอยู่ไกลบ้าน และไม่ได้กลับมาหาเลยเป็นเวลา 26 ปี อ้างสารพัดเหตุผล กระทั่งได้รู้ความจริงตอนเจอกันอีกครั้ง ที่แท้ร่างกายไม่เหมือนเดิม
พ่อเฒ่าวัย 70 อาศัยอยู่ในมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน เล่าว่า ลูกสาวเป็นความภาคภูมิใจของเขามาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นคนฉลาด เป็นอิสระ และมีความฝันที่ต้องไล่ตาม หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ก็บอกว่าเธอจะไปทำงานในหูหนาน โดยหวังว่าจะได้พบชีวิตของตัวเองที่นั่น แม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลใจ แต่เขาก็ยังเคารพการตัดสินใจของลูกสาว อย่างไรก็ตาม โชคชะตาชอบเล่นกลกับผู้คนเสมอ เพราะหลังจากนั้นลูกสาวก็ไม่เคยกลับมาบ้านเกิดอีกเลย
ทางด้านลูกสาว ทันทีที่เดินทางถึงเมืองที่ไม่คุ้นเคย ก็ออกวิ่งไล่ตามเป้าหมายด้วยการทำงานหนัก โดยหวังว่าจะพบโอกาสมากมายที่จะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น หลังจากนั้นไม่นานเธอได้พบกับนายเล่อ (นามสมมุติ) ชายที่ทำงานร่วมกับเธอในโรงงาน เขาเป็นคนซื่อสัตย์ จริงใจ ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย แต่เขามีความรับผิดชอบสูงและมีความคิดก้าวหน้า ความจริงใจและความเมตตาของเขาที่มีต่อทุกคน ทำให้เธอเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ต่อเขา และตอบตกลงคบหากันในที่สุด
ไม่กี่เดือนต่อมา หญิงสาวรู้สึกว่านายเล่อคือคนที่เธอต้องการพึ่งพาไปตลอดชีวิต เธอจึงโทรหาพ่อบอกว่าเธอต้องการแต่งงาน อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของพ่อไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวัง เขามีข้อสงสัยบางประการเกี่ยวกับตัวตนแฟนหนุ่มของลูกสาว เนื่องจากมาจากจังหวัดในพื้นที่ห่างไกล หากลูกสาวแต่งงานไปแล้วต้องทนทุกข์ ในตอนนั้นตัวเขาเองจะไม่สามารถปกป้องเธอได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นพ่อไม่ได้ต่อต้านการแต่งงานของลูกสาวอย่างเปิดเผย แต่เสนอแนะให้พาแฟนหนุ่มกลับมาที่บ้าน หลังจากพบกันแล้วพ่อจะตัดสินใจอีกครั้ง ดังนั้น ในเดือนเมษายน พ.ศ.2535 คู่รักจึงขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางกลับไปยังหูเป่ย พวกเขากังวลและตื่นเต้นมากเพราะรู้ว่านี่เป็นก้าวสำคัญสู่ความสุขสำหรับทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ทำลายความสุขนี้ลงในพริบตา
รถโดยสารที่พวกเขานั่งมาเสียการควบคุม และเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ทั้งคู่หมดสติไป ในตอนที่ฝ่ายชายรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา เขาพบว่าศีรษะและใบหน้าของตนเองเต็มไปด้วยคราบเลือด แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจบาดแผลของตัวเอง รีบคลำหาภรรยาท่ามกลางความมืดมิดอย่างตื่นตระหนก และในที่สุดก็พบเธอนอนไม่ได้สติ
หลังจากได้รับการรักษาฉุกเฉินเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ในที่สุดหญิงสาวก็ฟื้นขึ้นมา อย่างไรก็ดี คำพูดของแพทย์เหมือนกับมีดแทงเข้าไปในหัวใจของพวกเขา อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการเดิน เนื่องจากกระดูกสันหลังของเธอได้รับบาดเจ็บ ในตอนนั้นแม้ว่าฝ่ายชายจะรู้สึกตกตะลึง แต่เขาก็ไม่ได้จากไปไหน แต่อดทนอยู่เคียงข้างคนรัก ทุกวันเขาจะทำอาหารให้เธอ ซักผ้า และคุยกับเธอ ดูแลอย่างระมัดระวัง ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้เป็นพ่อไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอุบัติเหตุของลูกสาว และยังคงนั่งอยู่ที่บ้านทุกวันเพื่อรอให้ลูกสาวกลับมา ไม่ถึงครึ่งปีหลังจากนั้นเขาก็ได้รับจดหมายจากลูกสาว บอกว่าเธอแต่งงานกับนายเล่อแล้ว และตอนนี้ก็สบายดี บอกพ่อว่าไม่ต้องกังวลและดูแลตัวเองให้ดี เมื่อพ่อคิดว่าลูกสาวกำลังมีชีวิตที่ดี ก็มีความสุขมากตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เขาบอกให้ลูกสาวพาสามีกลับบ้านมาเยี่ยมครอบครัว เธอมักจะใช้ข้ออ้างสารพัดในการปฏิเสธ ราวกับว่ามีบางอย่างยากที่จะพูด
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านมานานถึง 26 ปี ผู้เป็นพ่ออายุ 70 กว่าปี เขารู้สึกว่าอาจจะจากไปในสักวันอันใกล้ หากไม่ได้พบลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย เขาคงนอนตายตาไม่หลับ ดังนั้นจึงขอให้เพื่อนบ้านติดต่อกับนักข่าวท้องถิ่น โดยหวังว่าพวกเขาจะช่วยเขาโน้มน้าวใจลูกสาวให้กลับบ้านได้
เมื่อนักข่าวไปถึงบ้านของลูกสาวก็ต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา พวกเขาเห็นเพียงสามีกำลังนวดให้ภรรยาอย่างอดทน โดยภรรยาเป็นผู้หญิงที่เป็นอัมพาตมานานหลายปี แต่เธอยังที่มีชีวิตชีวาและร่าเริงมาก ทั้งนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากนักข่าว สามีจึงพาภรรยาเดินทางกลับบ้านของเธออีกครั้ง เมื่อไปถึงก็พบพ่อกำลังรออยู่ที่ประตูก่อนแล้ว เมื่อรถหยุดเขาก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที เต็มไปด้วยความคาดหวังและความปรารถนาที่จะได้พบกับลูกสาวและลูกเขยของเขา
แต่เมื่อเห็นลูกเขยอุ้มลูกสาวลงจากรถอย่างระมัดระวัง ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่เคยคิดเลยว่าการกลับมาพบอีกครั้งจะเจ็บปวดขนาดนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจสาเหตุที่ลูกสาวของเขาไม่กลับบ้านมาหลายปีแล้ว และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ พ่อรู้สึกประทับใจอย่างมากกับความพยายามและความอดทนของลูกเขยเขาเข้าใจว่าได้ทันทีว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ลูกเขยต้องทำสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อดูแลลูกสาวของเขา
ในฝ่ายของหญิงสาวเปิดใจว่า สามีไม่เพียงแต่ทำให้เธอมีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ยังเป็นแสงสว่างแห่งความหวัง ความรักของเขาทำให้เธอเข้าใจว่าแม้แต่ร่างกายที่พิการ ก็ไม่สามารถขัดขวางเธอจากการแสวงหาความสุขได้ เช่นเดียวกับความรักในครอบครัว พ่อของเธอก็มีค่ามากเช่นกัน ความห่วงใยช่วยให้เธอมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเผชิญกับความยากลำบาก และยังทำให้เธอเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นด้วย