"ลอรีนา รามิเรซ" : หญิงพื้นเมืองผู้พิชิตแชมป์อัลตราเทรลด้วย "รองเท้าแตะ"

Home » "ลอรีนา รามิเรซ" : หญิงพื้นเมืองผู้พิชิตแชมป์อัลตราเทรลด้วย "รองเท้าแตะ"



"ลอรีนา รามิเรซ" : หญิงพื้นเมืองผู้พิชิตแชมป์อัลตราเทรลด้วย "รองเท้าแตะ"

“ฉันคงไม่ใส่รองเท้าพวกนี้หรอก.. เพราะคนที่ใส่มันต่างก็วิ่งตามฉันทั้งนั้น”

ลอรีนา รามิเรซ นักวิ่งชาวเผ่า ทาราอูมารา พูดเมื่อเห็นรองเท้าวิ่งอย่างดี ที่เป็นพิมพ์นิยมของเหล่านักวิ่งระยะไกลทั้งหลาย..

นี่คือเรื่องราวของเธอ หญิงสาวผู้ใช้รองเท้าแตะวิ่งแข่งมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 กิโลเมตร และส่วนใหญ่ เธอเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 เสียด้วย

นอกจากรองเท้าของเธอ มีสิ่งใดอีกที่ทำให้ ลอรีนา สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยเร็วกว่าใครครั้งแล้วครั้งเล่า? ติดตามได้ที่นี่

นักวิ่งแห่งขุนเขา

ลอรีนา รามิเรซ อายุ 22 ปี ในเวลานี้ เธอคือนักวิ่งระยะไกลที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเม็กซิโก เธอจะปรากฏตัวด้วยชุดกระโปรงประจำเผ่า รองเท้าแตะแบบท้องถิ่น และคว้าชัยชนะแทบทุกสนามที่ลงแข่ง นั่นทำให้เธอกลายเป็นคนดังไปโดยปริยาย 

1

ลอรีนา มักจะถูกเชิญและจ้างให้ไปวิ่งตามงานต่างๆ ยิ่งหลังจากที่มีชื่อเสียง ยิ่งมีงานวิ่งจากแทบทั่วโลกทั้ง สหรัฐอเมริกา, สเปน, ฝรั่งเศส และ เยอรมัน รายการไหนๆ ฝ่ายจัดต่างก็จ้างเธอให้มาสร้างกระแสให้กับงานวิ่งนั้นๆเสมอ

อย่างไรก็ตาม ลอรีนา ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนดัง และไม่มีความคิดที่จะเป็นแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่เธอไปแข่ง หลายคนมาขอเธอถ่ายรูปเป็นประจำ แต่ ลอรีนา ไม่เคยหลงใหลได้ปลื้มกับสิ่งนั้น 

“พวกเขาก็แค่มาถ่ายรูปเพราะฉันเป็นผู้ชนะ ฉันไม่รู้เหมือนกัน วันหนึ่งถ้าฉันเป็นผู้แพ้ พวกเขาจะยังชอบใจอยู่หรือเปล่า?” ลอรีนา ว่าไว้ 

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่ว่าเธอหยิ่งผยอง เป็นนักกีฬาดังที่วางมาดแต่อย่างใด เพียงแต่เธออยู่แบบไม่รู้จักใครมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว การเข้าสังคมคือสิ่งที่เธอไม่เก่งกาจอะไร และเธอเองก็คิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหากับการใช้ชีวิตและการวิ่งของเธอ 

ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมันเกิดจาก “สายเลือด” หรือ “DNA” เธอคือหนึ่งในสมาชิกชนเผ่าท้องถิ่นที่อาศัยตามเทือกเขาในรัฐซินาลัว ประเทศเม็กซิโก อย่าง ทาราอูมารา อินเดียนส์ 

2

ผู้คนจากชนเผ่านี้ไม่ค่อยได้สุงสิงกับวัฒนธรรมใหม่ๆมากว่า 400 ปีแล้ว บ้านของพวกเขาในหมู่บ้านแต่ละหลังห่างไกลกันหลายกิโลเมตร ดังนั้น การทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์เป็นเหมือนอุตสาหกรรมครัวเรือน กล่าวคือ ลูกๆทุกคนจะต้องอยู่บ้าน และช่วยกันปลูกพืช หรือเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก งานของพวกเขาคือวิ่งไปวิ่งมาจากคอกวัว ไปแปลงผัก, ต้อนฝูงแพะ, ให้อาหารนกฮูก และการหาบน้ำมาใช้บริโภค จนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบัน    

ลอรีนา โตขึ้นมากับวิถีชีวิตแบบนั้น ซึ่งเธอโชคร้ายหน่อย เพราะพี่ชายทั้ง 2 คนของเธอคือคนที่ได้สิทธิ์ไปเรียนหนังสือในเมืองที่ห่างออกไป เหลือเพียงเธอกับพี่สาวที่ต้องอยู่บ้านช่วยงานในครอบครัว

“สมัยก่อนเราต้องเดินทางไปโรงเรียนด้วยเท้าวันละ 5 ชั่วโมง น้องสาวผมไปโรงเรียนด้วยไม่ได้เพราะต้องอยู่บ้านดูแลสัตว์ มีแต่เราผู้ชายที่ได้โอกาสนั้น ผมอยากให้น้องไปด้วยนะ แต่มันเป็นไปไม่ได้ด้วยสภาพของครอบครัวและที่อยู่ของเรา” 

“เราโตกันมาแบบนี้ อยู่แต่บ้าน ไม่มีเพื่อน โดยลำพังแบบนี้แหละ” ดิเอโก รามิเรซ พี่ชายของ ลอรีนา กล่าวถึงปูมหลังของการเป็นนักวิ่งของน้องสาวของเขา 

เมื่อเสียสิ่งหนึ่ง เรามักจะได้อีกสิ่งหนึ่งกลับมา ลอรีนาเองก็เป็นเช่นนั้น เธอไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน ไม่มีการศึกษา แต่สิ่งที่เธอมี คือศักยภาพทางร่างกายที่แข็งแรงขึ้นทุกๆวัน ผ่านการทำงานที่เป็นกิจวัตรซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาหลายปี มันคือพลังแฝงอยู่ภายในที่เธอไม่มีโอกาสแสดงให้ใครเห็น นอกเสียงจากพ่อของเธอ ซานติอาโก รามิเรซ อดีตนักวิ่งอัลตรามาราธอนสามสมัยของรัฐโชชี ในประเทศเม็กซิโก

ซานติอาโกเป็นนักวิ่งแบบพาร์ทไทม์ เขาจะออกไปแข่งต่อเมื่อมีรางวัลเป็นเงินสด เพื่อนำมันกลับมาจุนเจือครอบครัว การเป็นนักวิ่งระยะไกลในระดับแชมป์ ทำให้ ซานติอาโก ที่เห็น ลอรีนา วิ่งขึ้นเขาลงเขาตั้งแต่เด็ก รู้ว่าลูกสาวของเขาได้ DNA ของชาวทาราอูมารา และสายเลือดนักวิ่งจากเขามาเต็มๆ 

3

ลอรีนา ใช้ชีวิตแบบไม่ได้เจอคนนอกมาถึง 11 ปี จนกระทั่งวันหนึ่ง ซานติอาโก พาเธอเดินเท้าเข้าไปในเมือง ตอนแรกเธอคิดว่าพ่อจะพาไปซื้อของหรืออาหารสัตว์แบบทุกครั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ซานติอาโก พา ลอรีนา มาเพื่อแข่งวิ่งฮาล์ฟมาราธอน แถมยังเป็นรุ่นประชาชนทั่วไปด้วย  

“พ่อสั่งให้วิ่งก็วิ่งไป” เธอไม่รู้สึกว่ามันยากอะไร และเชื่อเสมอว่ามันก็แค่วิ่ง เหมือนกับที่ทำมาทุกวัน “ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองวิ่งเก่งหรือจะเป็นผู้ชนะเลย.. แต่ใช่ค่ะ สุดท้ายฉันเป็นผู้ชนะ”

ลงเขามาล่ารางวัล 

“เราเดินไปทุกที่ เราไม่เคยใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อไปซื้อของหรือที่ไหนทั้งไหน.. แล้ววันหนึ่ง เราก็ตระหนักได้ว่า เราใช้เท้าของเราวิ่งได้เก่งขนาดไหน?” พี่ชายของ ลอรีนา บอกเช่นนั้น ซึ่งหลังจากที่เธอคว้าแชมป์ตอนอายุ 11 ปี หลังจากนั้นเธอก็ออกงานวิ่งเป็นประจำ ทั้งในระดับเยาวชนและประชาชนทั่วไป เธอเริ่มไปแข่งที่ไหนก็ชนะ และกลายเป็นคนดังของเม็กซิโกขึ้นมา 

4

เธอเพิ่งรู้ตัวว่าสายเลือดของเธอแข็งแกร่งขนาดไหน ชาวทาราอูมารา คือสุดยอดนักล่าตั้งแต่ยุคโบราณ ว่ากันว่าพวกเขาล่าสัตว์ยังชีพด้วยวิธีการที่เหลือเชื่อ อย่างการ “วิ่งไล่สัตว์ให้สัตว์หมดแรงก่อน” จากนั้นค่อยสังหารด้วยความง่ายดาย  

กิจวัตรที่วิ่งจนชินทำให้ชาวทาราอูมารา เป็นหนึ่งในกลุ่มมนุษย์ที่สุขภาพดีที่สุดในโลก ไม่มีคนเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง และเมื่อเวลาผ่านไป อาชีพการวิ่งก็กลายเป็นของถนัดของชาวเผ่านี้ทุกคน ทั้งหญิงทั้งชาย พวกเขามักจะลงไปแข่งวิ่งล่ารางวัลในเมือง และการแข่งไหนที่ชาวทาราอูมาราลงแข่ง นักแข่งที่อื่นก็แทบจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกสตาร์ท 

พวกเขาจะมาถึงจุดแข่งขันด้วยชุดประจำเผ่าที่มีสีสันจี๊ดจ๊าด ขณะที่รองเท้าของพวกเขานั้นจะเป็นเอกลักษณ์มากที่สุด เพราะชาวทาราอูมารา มีรองเท้าเฉพาะที่ชื่อว่า “ฮัวราเช” 

5

ฮัวราเช แบบดั้งเดิมออริจินอลนั้น มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตน้อยมาก ชาวทาราอูมาราจะผลิตมันขึ้นมาเองด้วยมือของพวกเขา โดยสิ่งที่ต้องใช้มีเพียงพื้นรองเท้าที่ทำมาจากยาง และมีเชือกรัดผูกรอบเท้าที่มาจากหนังสัตว์แค่นั้นเอง จุดประสงค์ของการใส่รองเท้า ฮัวราเช นั้นมีขึ้นเพื่อให้เบาสบายสำหรับผู้สวมใส่ ซึ่งมันตรงกับศาสตร์ที่ได้รับการวิจัยมาจากหลายสำนักว่า “การวิ่งเท้าเปล่า” ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บน้อยกว่าการสวมรองเท้าผ้าใบทั่วไป.. 

เมื่อรู้ว่าตัวเองเก่งด้านการวิ่งแบบสุดๆ ลอรีนาเริ่มเอาจริงเอาจังกับเส้นทางด้านนี้มากขึ้น เธอเย็บชุดแข่งของเธอเองโดยใช้ผ้าที่มีน้ำหนักเบาและบางกว่าชุดกระโปรงที่ใส่ในชีวิตประจำวัน ขณะที่รองเท้า ฮัวราเช เธอก็ใช้วิธีลองจนได้คู่ที่เข้าเท้ามากที่สุด ทำให้เธอวิ่งไกลและวิ่งได้เร็วจนไม่รู้สึกเจ็บปวดจนเกินไปนัก 

ส่วนด้านการซ้อมนั้น ลอรีนา เล่าว่าเธอแทบไม่ได้ซ้อมอะไรมากมายนัก เพราะกิจวัตรของเธอยังคงเดิม ต้องเดินเท้าในการทำงานตลอดเวลา มีเพียงช่วงก่อนแข่งเท่านั้นที่เธอจะเริ่มวิ่งให้ได้ระยะกิโลเมตรเท่ากับการแข่งขันที่รออยู่เท่านั้น แค่นี้ก็มากเพียงพอแล้วสำหรับการเป็นผู้พิชิตรองเท้าแตะที่ทำให้หลายคนสนใจวิถีชีวิตของเธอ รวมถึงครอบครัวของเธอด้วย.. ทุกคนตะลึงเรื่องของการแต่งตัว อุปกรณ์ที่น้อยชิ้น แต่กลับวิ่งเร็วและทนอย่างเหลือเชื่อ 

“เธอไม่ได้มีอุปกรณ์ช่วยใดๆ ในการวิ่งครั้งนี้เลย ไม่มียาบรรเทาอาการปวด ไม่มีน้ำหวานเพิ่มพลัง แว่นตากันฝุ่น หรืออุปกรณ์การวิ่งราคาแพงใดๆเลย มีเพียงแค่ขวดน้ำดื่ม และผ้าเช็ดหน้าเท่านั้นเอง” ออร์แลนโด ฆิเมเนซ ผู้จัดการแข่งขันการวิ่งระยะ 50 กิโลเมตรในเม็กซิโก กล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อโดนสื่ออย่าง BBC สอบถามถึงความเหลือเชื่อของ ลอรีนา 

6

สไตล์การวิ่งระยะไกลของ ลอรีนา นั้นมีหลักสูตรตายตัว เธอจะบอกเสมอว่า ทุกครั้งที่เริ่มออกสตาร์ท เธอจะวิ่งช้ากว่าคนอื่นๆเพื่ออุ่นเครื่องให้เริ่มร้อนตอนช่วงระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จากนั้นเธอจะเร็วและเริ่มแซง ที่เหลือก็คือการวิ่งเข้าเส้นชัยไปคว้ารางวัลและกลับบ้าน 

ทนทาน, แข็งแกร่ง และ สงบนิ่ง คือ 3 สิ่งที่ ลอรีนา แสดงออกมาเสมอเมื่อเธอลงแข่งแต่ละครั้ง พูดให้น้อย พยายามให้เยอะ เธอคือนักวิ่งประเภทนั้น รองเท้า, ชุดแข่ง, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่จำเป็น เพราะมีหลายแบรนด์พยายามจะส่งของมาให้เธอใช้เมื่อเธอมีชื่อเสียงแล้ว แต่ ลอรีนา ส่ายหัวและยืนยันว่า “เธอจะไม่เปลี่ยนตัวตนเด็ดขาด” เธอจะวิ่งในแบบที่เธอวิ่งมาทั้งชีวิต และเชื่อว่าถ้ารองเท้าผ้าใบดีจริง ในการแข่งขันแต่ละครั้งจะต้องมีคนวิ่งแซงเธอได้.. แต่นี่มันไม่มี หรือแทบจะน้อยครั้งแบบสุดๆ 

“ฉันคงไม่ใส่รองเท้าพวกนี้หรอก.. เพราะคนที่ใส่มันต่างก็วิ่งตามฉันทั้งนั้น”

ผู้ชนะที่แท้จริง 

ลอรีนา รามิเรซ กลายเป็นคนดังไปที่ไหนก็มีแต่คนอยากรู้จักและเข้ามาขอถ่ายรูปเสมอ มีการยื่นข้อเสนอต่างๆมากมายให้เธอเป็นนักวิ่งของทีมที่มีชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งการเสนอบ้านและที่อยู่ให้ ลอรีนา เปลี่ยนวิถีชีวิตมาอยู่ในเมืองเพื่อง่ายต่อการเดินทาง แต่สำหรับ ลอรีนา เธอคือสายเลือดทาราอูมาราที่แท้จริง.. เธอปฏิเสธทุกข้อเสนอ และเลือกจะอยู่กับวิถีที่ต้องเดินเท้าทั้งวัน เหมือนกับที่บรรพบุรุษของเธอเป็นมา 

7

ลอรีนาเชื่อเสมอว่า วิถีชีวิตเหล่านี้ทำให้เธอเป็นผู้ชนะที่แท้จริง เธอไม่ได้เอ้อระเหยและอ่อนต่อโลกจนเกินไป เธอเชื่อเสมอว่าทุกครั้งที่ออกไปวิ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นผู้ชนะ.. เพียงแต่ว่าผู้ชนะในแบบของเธอนั้นแตกต่างจากที่คนอื่นๆ มันไม่ใช่เรื่องของเกียรติยศหรือชื่อเสียง แต่มันคือ “เงินรางวัล” ต่างหาก ที่ทำให้ชัยชนะมีความหมายต่อเธอ

“ชัยชนะเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันมีเงินรางวัล.. แต่ก็ใช่ว่าฉันจะชนะตลอดไป” เธอมองอย่างเข้าใจและเชื่อว่าวันหนึ่งเธอก็ต้องกลายเป็นผู้แพ้ ดังนั้น เธอจะอยู่กับวิถีชีวิตเดิมต่อไป.. ไม่ย้ายไปประเทศอื่นตามคำเชิญชวนจากที่ต่างๆ 

ที่บ้านบนยอดเขา ที่นี่ไม่เคยมีใครบังคับให้เธอเป็นผู้ชนะ ถ้าเธออยากวิ่ง เธอสามารถออกไปวิ่ง ถ้าเธออยากพัก เธอสามารถเลือกตัดสินใจเองได้ นี่คือชีวิตที่ “อยู่ตัว” ไร้ซึ่งความกดดัน ได้ทำในสิ่งที่รัก และได้อยู่ในที่ที่คุ้นเคย 

“สำหรับผม เธอไม่จำเป็นจะต้องชนะทุกครั้ง ผมรู้ดีว่าการวิ่งนั้น บางครั้งมันทำให้เท้าของเราเจ็บ มันเจ็บปวดมากเกินจะนึกออก” ซานติอาโก พ่อของเธอกล่าวอย่างเข้าใจ 

8

ตอนนี้บ้านของเธอมีแขกมากมายมาเยือน ทีมถ่ายทำสารคดีชื่อดังของ Netflix ยังเดินทางติดตามชีวิตเธอ จนสร้างสารคดีออกมาในชื่อ “Lorena” ซึ่งยังคงฉายอยู่ในปัจจุบัน 

หากคุณได้ดูหนังเรื่องนี้จะเห็นว่า เมื่ออยู่หน้ากล้อง ลอรีนาพูดน้อยมาก ต่างจากหนังเชิงสารคดีชีวิตของบุคคลอื่นๆ แต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ ในการตามถ่ายชีวิตประจำวันเวลาเธออยู่กับครอบครัว และเมื่อลงแข่งขัน สีหน้าของเธอมีความสุขจริงๆ เธออาจจะไม่ค่อยพูด แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธออยู่แล้ว งานของเธอคือการคว้าชัยชนะ และเอาเงินกลับบ้าน ซึ่งนั่นทำให้เธอถูกเรียกว่า “กวางน้อยแห่งเทือกเขารารามูรี” เมื่อชนะ เธอจะหายตัวไปทันที ยากที่ใครจะได้เห็นหรือเข้าใกล้เธอ แม้แต่ให้เธอทำอะไรที่เอาใจสื่อเหมือนนักกีฬาระดับโลกคนอื่นๆ 

9

“เธอเหมือนกับกวาง.. เวลาคุณเดินเข้าใกล้ กวางจะมองหน้าคุณ จากนั้นพวกก็จะกระโดดหนีไปโดยที่คุณไม่ทันสัมผัสตัวหรอก” พ่อของเธอเปรียบเทียบไว้เช่นนั้น  

นี่คือผู้ชนะที่แท้จริง สิ่งที่เธอหมกมุ่นกับการแข่งคือชัยชนะเท่านั้น เธอไม่เคยมีมาด ไม่มีเคยความทะนงตัวแบบแชมเปี้ยน เธอแค่ชนะในสนามแข่งให้คนอื่นเรียกว่า “ราชินีนักวิ่งแห่งรารามูรี” และรีบกลับบ้านในฐานะลูกสาวคนเก่งของพ่อแม่และครอบครัวก็พอ 

10

“ฉันอยู่ที่นี่ รัฐซินาลัว เม็กซิโก ที่นี่ รารามูรี อากาศสะอาดสดชื่น ไม่มีควันฝุ่นละอองจากโรงงาน ถ้าต้องไปอยู่ที่อื่น ฉันคงต้องคิดถึงที่นี่มากแน่ๆ” ลอรีนา พูดในฉากเปิดตัวภาพยนตร์ของเธอที่กำลังฉายใน Netflix 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ