เตือนแล้วนะ ไม่อยากเป็นเบาหวานเร็วๆ ควรควบคุมการบริโภคผลไม้ 5 ชนิดนี้ กินเยอะๆ ร้ายกว่าน้ำหวานเสียอีก!
ผลไม้ ถือเป็นแหล่งสารอาหารธรรมชาติ แต่ไม่ใช่ทุกชนิดที่จะปลอดภัยหากบริโภคมากเกินไป เนื่องจากผลไม้บางชนิดถึงแม้จะอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ก็มี “น้ำตาลในปริมาณสูง” ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ด้านล่างนี้คือผลไม้ 5 ชนิดที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถทำให้เป็นโรคเบาหวานได้อย่างรวดเร็วหากบริโภคมากเกินไป!
1.ทุเรียน
ทุเรียนไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในด้านกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมากประมาณ 13-15% ด้วยระดับแคลอรี่สูงถึง 147 กิโลแคลอรี ต่อ 100 กรัม นี่จึงเป็นหนึ่งใน “สาเหตุ” ชั้นนำที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีน้ำหนักเกิน จำเป็นต้องจำกัดผลไม้ชนิดนี้ เพราะไม่เพียงทำให้น้ำตาลในเลือดสูงเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความร้อนภายใน ปากแห้ง หรือท้องผูกได้ง่ายๆ หากรับประทานมากเกินไป
2.ลิ้นจี่
ลิ้นจี่มีความหวานเข้มข้น โดยมีปริมาณน้ำตาลอยู่ระหว่าง 16-20% แม้ว่าจะอุดมไปด้วยสารอาหาร แต่การกินลิ้นจี่มากๆ ก็อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เนื่องจากฟรุกโตสไม่ได้รับการเผาผลาญทันที
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานต้องระวังผลไม้ชนิดนี้เป็นพิเศษ ในขณะที่คนที่มีสุขภาพแข็งแรงควรรับประทานครั้งละไม่เกิน 5 ผลเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการวิงเวียนศีรษะและเหนื่อยล้า นอกจากนี้อย่ากินในขณะท้องว่าง
3. มะม่วง
มะม่วงเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน A, C และไฟเบอร์ก็อยู่ในรายการนี้เช่นกัน โดยเฉพาะมะม่วงสุก เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลสูงตั้งแต่ 14-16% และยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีกตามสายพันธุ์ และเมื่อมะม่วงหวานสุกเต็มที่
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมะม่วงมากเกินไป นอกจากนี้เปลือกมะม่วงยังมีสาร Urushiol ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ทำให้บางคนมีอาการแดงและบวมที่ริมฝีปากได้ ดังนั้นต้องระมัดระวังในการบริโภคผลไม้ชนิดนี้
4. ลำไย
ลำไยเป็นผลไม้ยอดนิยมเนื่องจากมีรสหวาน แต่จริงๆ แล้วมีน้ำตาลมากกว่าที่เราคิด น้ำตาลประมาณ 13-15% แม้ว่าจะมีฤทธิ์กระตุ้นเลือดและยาระงับประสาท แต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง การกินมากเกินไปยังทำให้เกิดความร้อนภายใน ทำให้เกิดแผลในปาก และเพิ่มความเสี่ยงต่อเลือดกำเดาไหล
5. กล้วยสุก
กล้วยสุกมีรสหวานและอุดมไปด้วยพลังงาน แต่ปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูงตั้งแต่ 12-16% อีกทั้งยังมีแป้งอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งเมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ดังนั้นยิ่งกล้วยสุดมากเท่าไหร่ค่าดัชนีน้ำตาลก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เมื่อน้ำตาลในกล้วยผสมกับแป้งยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนเร็วกว่าปกติ ทางที่ดีควรควบคุมปริมาณที่รับประทาน
หมายเหตุ เมื่อรับประทานผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลในเลือดสูง
ผลไม้ที่มีรสหวานไม่ใช่ “ศัตรู” ที่ต้องหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง แต่ต้องบริโภคอย่างสมเหตุสมผล ในขณะเดียวกัน คนที่มีสุขภาพดีควรรวมผลไม้เหล่านี้กับผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ หรือรับประทานพร้อมกับอาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใย สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้การดูดซึมน้ำตาลช้าลง แต่ยังช่วยรักษาสมดุลทางโภชนาการอีกด้วย
สำหรับผู้ที่เป็นหรือมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ควรให้ความสำคัญกับการเลือกผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ และติดตามการบริโภคในแต่ละวันอยู่เสมอ นอกจากนี้ ผลไม้โดยทั่วไปและผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงเป็นพิเศษ การรับประทานสดๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของความผันผวนของน้ำตาลในเลือดได้ เมื่อเทียบกับการใช้เป็นน้ำผลไม้หรือสมูทตี้ ผลไม้ยิ่งหวานน้ำตาลในเลือดยิ่งสูง ดังนั้น ไม่ควรรับประทานเมื่อหิวหรือใกล้เวลานอน