หากพูดถึงมือถือเล่นเกมหลายคนก็คงคิดถึง ROG Phone เป็นที่แน่นอนในเรื่องสเปกและการจัดการเรื่องของความร้อนที่ไว้ใจได้เสมอ แต่สำหรับรอบนี้ การเดินทางของมือถือตระกูลนี้มาถึงรุ่นที่ 5 (ความจริงคือรุ่นที่ 4 แต่เลขดังกล่างของคนไต้หวัน ดูไม่เป็นมงคล) แล้ว ทีม Sanook Hitech ขอนำเสนอรีวิว ROG Phone 5 สเปกที่จำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จะเป็นอย่างไร มาเริ่มกันเลย
แกะกล่องของ ROG Phone 5 ประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง ROG Phone 5
- สายชาร์จไฟ USB-C to USB-C
- ปลั๊กชาร์จไฟ กำลัง 65W
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- คู่มือ / สติ๊กเกอร์ ROG
- เคส
- ฝาปิดใต้เครื่องสำรอง
- พัดลม Active Aero Cooler 5 (จะอยู่ในกล่องเล็ก)
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ ROG Phone 5
เริ่มต้นกับหน้าจอของ ROG Phone 5 จะมาพร้อมกับขนาด 6.78 นิ้ว โดยความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น FHD+ หรือ 2448×1080 พิกเซล เรียกได้ว่าหน้าจอของเครื่องยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม และความสว่างดูมากขึ้นและครอบบน Corning Gorilla Glass Victus
ด้านบนจะมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พร้อมกับ ลำโพงหน้าแบบ Stereo ด้านบน
ส่วนล่างมาพร้อมกับปุ่มกด ควบคุมการใช้งานตัวเครื่องพร้อมกับลำโพงด้านล่าง
สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนปุ่มนั้นสามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า) > Display (หน้าจอ) > System Bars (แทบแจ้งเตือน) > System Navigation (แถมนำทาง) จะเปลี่ยนได้ 2 แบบได้แก่
- Gesture สำหรับการปัด โดยสามารถเลือกได้ทั้งปัดในแบบเดียวกับ Android 10
- ปุ่มกดปกติที่สามารถกด Back (สำหรับย้อนกลับ), Home (สำหรับกลับหน้าหลัก), Recent (สำหรับเรียก Apps ที่เปิดก่อนหน้านี้
รอบตัวเครื่องจะมาพร้อมกับการดีไซน์ขอบโลหะ ส่วนฝั่งขวาจะมาพร้อมกับ ปุ่มสำหรับปรับระดับเสียง, ปุ่ม Power สำหรับเปิด / ปิด ตัวเครื่องและมี Ultra Sonic สำหรับแตะเพื่อใช้ควบคุมในการเล่นเกม
ฝั่งซ้ายของเครื่องจะมาพร้อมกับช่องเสียบ SIM Card จะมาพร้อมกับ Dual SIM แบบ Nano SIM ข้อเสียคือ รูเปิดซิมการ์ด มันลึกจนต้องใช้เข็มถาดใส่ซิมที่ติดกล่องเท่านั้น
และมีแผ่นยางจะมาพร้อมกับช่องเสียบอุปกรณ์เสริมอย่างพัดลม Aeroactive Cooler 5 ที่มีปุ่มอีก 2 จุดให้สามารถกดควบคุมการเล่นเกมได้
ด้านบนของเครื่อง จะมาพร้อมกับไมโครโฟนของเครื่องและมีเส้นของเสาอากาศรอบทิศทั้งบนและล่างแบบเดียวกัน
ด้านล่างสุดของเครื่อง จะมาพร้อมกับช่องเสียบ USB-C, ช่องเสียบหูฟังที่กลับมาแล้ว และมีไมโครโฟนอีกตัวหนึ่ง
พลิกมาด้านหลังจะมาพร้อมกับการดีไซน์แบบ Dotted Matrix Design ทำให้การออกแบบสวยงามและมีโลโก้ ROG ที่สามารถสีสันที่ของไฟมีหลากหลายสี แต่ว่าไม่มีช่องระบายอากาศมาให้มาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวจัดวาง Layout เหมือนกับ ROG Phone 3 ที่ได้รีวิวเมื่อปีที่ผ่านมา และมี LED Flash และเป็นผิวกระจกทั้งหมด
ภาพรวมของการออกแบบ
ตัวเครื่องมีความยาวกว่าเดิม ขอบน้อยลงก็จริงและส่วนของลำโพงจะเล็กลงแต่ว่าก็ออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถถือได้ง่าย น้ำหนักเครื่องแม้ว่าจะหนักแต่ว่าการแบ่งแบตเตอรี่มีขนาด 3000 mAh ทั้งหมด 2 ก้อนทำให้การกระจายน้ำหนักทำได้ดีครับ อย่างไรก็ตามสีของเครื่องรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งหมด 2 สีทั้งสีขาวและสีดำ และเป็นผิวเงา
และอุปกรณ์เสริมบางชิ้นใช้กับรุ่นเดิมได้ เช่น ROG Kunai 3 ที่ใช้พัดลม Aero Active 5 ตั้ง, ROG Clip อุปกรณ์ต่อกับจอย ซึ่งใช้กับรุ่นเดิมได้ และ Aero Case สามารถใช้ร่วมกับพัดลม Aeroactive Cooler 5 แต่รุ่นนี้ไม่มี TwinView Dock มาให้นะครับ
เปิดเครื่องทดลองใช้ ROG Phone 5
รายละเอียดสเปกของ ROG Phone 5
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 172.8 x 77.3 x 10.3 มม.
- น้ำหนัก: 238 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : ไม่ระบุ
- หน้าจอ: AMOLED 1B ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2448 x 1080 พิกเซล พร้อมกับค่า Refresh Rate 144Hz, Touch Sampling Rate 300 Hz
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 Octa-core | GPU Adreno 660
- แรม : 12 / 16GB
- ความจำภายใน : 128 / 256GB
- ความจำภายนอก : -
- การเชื่อมต่อไร้สาย : 5G/4G LTE, WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX (WiFi 6), Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Optical ในหน้าจอ
- ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า
- กล้องหลัง 3 ตัว :
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล (F/1.8) PDAF
- 13 ล้านพิกเซล (2, Ultra-Wide)
- 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Macro
- กล้องหน้า: 24 ล้านพิกเซล (F/2.5)
- ช่องเสียบ : USB-C ทั้งหมด 2 ช่องด้านข้างและด้านล่าง และ ช่องเสียบหูฟ้ง 3.5 มิลลิเมตร
- แบตเตอรี : 6000 mAh + Rog Hyper Charge 65W รองรับ Power Delivery 3.0 จ่ายไฟกลับไปได้กำลัง 10W
- สี : Phantom Black, Storm White
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ / ฟีเจอร์การเล่นเกม
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ จาก AnTuTu = 680,829 (Dynamic Mode) 814,998 (X-Mode+)
ผลการทดสอบรประสิทธิภาพจาก Geekbench = 641 / 3075 (Dynamic Mode) | 1116 / 3566 (X-Mode+)
เรียกได้ว่าสเปกของ ROG Phone 5 จะมีประสิทธิภาพแรงมากเพราะขุมพลัง Snapdragon 888 แต่เนื่องจากมีแค่แผ่นการจายความร้อนในตัวบางลง แต่ว่าไม่มีช่องระบายเน้นเรื่องการทยอยออกได้ดี อย่างไรก็ตามถ้าเสียบพัดลม Aero Active Cooler 5 จะทำให้ช่วยได้ดีกว่าเดิม เพราะบานพัดลมใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม
แต่เบื้องหลังของการทำงานของการเล่นเกมที่ดีของมือถือรุ่นนี้ จะอยู่ใน 2 ส่วนคือการเปิด X-Mode / X-Mode+ ที่นอกจากบูสต์เครื่องบ้าพลังและสามารถเร่งกับเกมในโหมด Gaming Mode, Hardcore Mode ที่ทำให้ดึงศักยภาพของเกมเข้ามาได้แบบเต็มที่เลยครับ แต่ที่เหลือจากภาพทั้ง Dynamic, Ultra Durable และ Advance จะไม่ได้ดึงประสิทธิภาพมากนัก
ส่วนการควบคุมของการเข้าหน้าเกมอย่าง Game Genie จะสามารถควบคุมได้แบบครบเครื่องมากเช่น การล็อคความสว่างหน้าจอ, การแสดงผลความร้อนและการทำงาน CPU, มีการปรับฟีเจอร์ทั้ง Crosshair ศูนย์เลงที่ปรับได้หลากหลายแบบสีสัน และยังมีฟีเจอร์การกดทั้ง Ultrasonic Button, Motion Sensor และ ปุ่มกดที่พัดลม หรือ Cooler Button เช่นเดียวกัน
การเชื่อมต่อ / ระบบนำทาง
ส่วนระบบการเชื่อมต่อไร้สายมาพร้อมกับ Wi-Fi 802.11 AX หรือ Wi-Fi 6 / 6E รองรับ Bluetooth 5.2, 5G แต่ยังเป็นคลื่น 2600 MHz และเชื่อมต่อ GPS ได้ลงตัวมากขึ้น และนอกจากนี้มีการออกแบบเสาอยกาสศใหม่ที่ทำให้การรับสัญญาณมีความเสถียรมากกว่าเดิม
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
หน้าจอของ ROG Phone 5 จะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่กว่าเดิม จะมาพร้อมกับ 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2448 x 1080 พิกเซล โดยจะมีค่า Refresh Rate 144Hz แต่ว่าหน้าจอมีการเปลี่ยนค่าสัมผัสเป็น 300Hz ทำให้หน้าจอถือว่าทำงานได้เร็วมากขึ้นทำกับค่าความหน่วงที่ 24.3 ms. หน้าจจะแสดงผล HDR10+, deltaE ครบเครื่องและยังรงรับการถนอมสายตาที่ดี หน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นจอของ Samsung AMOLED
นอกจากภาพจัดเต็มแล้ว ในเรื่องระบบเสียงที่ได้รับการยกให้เสียงดีจาก DXOMark ด้วยเทคโนโลยีที่มีลำโพงด้านบนมาให้พร้อมกับ Dirac, ESS จากช่องเสียบหูฟัง, Hi-Res,Qualcomm aptX Adaptive โดยการวางลำโพงนั้นเป็นแบบ Symmetical Dual Front-facing จะมีขนด 12×16 มิลลิเมตร ใหญ่กว่าเดิม 25% และให้พลังมากกว่าเดิม 21% สิ่งที่ได้คือเสียงมีมิติมากขึ้นเล่นเกมจะเก็บรายละเอียดของเสียงได้ดีเช่นถ้าคนที่เล่นเกมแนวยิง จะรู้ว่าคนอยู่ทิศไหนและมีการตั้งระบบสั่นเตือนได้ด้วย
แถมมีการปรับ AudioWizard จะมีการปรับ Profile 4 โหมด พร้อมกับปรับแต่งได้ ช่วยให้กระจายเสียงได้ดี และไมโครโฟนของเครื่องมีทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน และมี GameFX มาให้ด้วย
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
ส่วนระบบปฏิบัติการของเครื่องจะมาพร้อมกับ Android 11 มาพร้อมกับ ROG UI รอบนี้จะมีการผสมระหว่าง Pure Android โดยมี Theme ที่มีลูกเล่นเวลาเข้า X Mode ที่เปลี่ยนสีและแสดง Effect แบบครบเครื่อง แต่ว่ารอบนี้จะมาพร้อมกับการเปลี่ยน Theme เกมโปรดของคุณได้หลากหลายผ่าน Store และมีแถมฟรีให้ทั้งหมด 4 เกมด้วยครับ
และนอกจากนี้ยังสามารถแบ่งเป็น Mult Window และเป็น Popup ได้
ส่วนฟีเจอร์นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์การเล่นเกมแบบอัดแน่นปรับแต่ผ่าน Armoury Crate รายละเอียดมีดังนี้
- ตัวปรับประสิทธิภาพเกม หรือ ตัวเลือกออฟชั่นแต่ละเกมที่ทำให้การเล่นเกมของคุณสนุกมากขึ้น โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ได้ดังนี้
- ค่าความไวของการทัชสกรีน
- การกำหนดความลื่นไหวของการสไลด์
- ป้องกันการกดขอบเวลาที่เราเผลอไปกดด้านข้าง
- การปรับค่า Refresh Rate หรือการกระพริบของหน้าจอ และยังมีการตั้งค่าเกี่ยวกับ การควบคุมทั้ง ท่าทาง / Ultrasonic Button / ปุ่มที่ Aero Active Cooler 5 โดยทำงานร่วมกับการตั้งค่าก่อนเล่นเกมผ่าน Armoury Crate และตั้งค่าระหว่างเล่นเกมผ่าน Game Genie มีตัวอย่างการตั้งค่าดังนี้
- Motion Sensor
- การขยับเครื่อง ซ้ายขวา, เคลื่อนไปข้างหน้า (Move Left / Right / Forward)
- ขยับเครื่องลงไปทางซ้ายหรือขวา (Tilt Left / Tilt Right)
- เลี้ยวซ้ายหรือขวา (Turn Left / Turn Right)
- ขยับเครื่องหรือลง (Tilt Forward / Tilt Backward)
- เขย่าเครื่องเล็กน้อย ไปทางขึ้นลง (Shake Vertically)
- Ultra Sonic Button
- สามารถเลือกว่าเราต้องการใช้กับ Option อะไรในเกม โดยสามารถสั่งงานได้ 6 ท่าทางทั้ง กดไปเฉยๆ, แตะเบาๆ, สไลด์, การกดลงไปคู่พร้อมกัน
- ปรับประสิทธิภาพของเครื่องถ้าต้องการให้ดันไปสูงสุด ต้องเสียบ Game Pad หรือ Aero Active Cooler ที่รุ่นนี้มีปุ่ม ที่ใช้ร่วมกับ Motion Sensor และ Ultra Sonic Button ได้
- การปิดกั้นเครือข่ายให้มาที่เกมอย่างเดียว หรือเปิดเน็ตมือถือเองเมื่อพบว่า WiFi นั้นมีสัญญาณที่ไม่ดี หรือ Hyper Fusion
- Scout Mode จะมีฟีเจอร์ที่ทำให้ภาพแสดงผลจะเป็นการมองหาภาพที่มองไม่เห็นเปลี่ยนได้สวยจะมีประโยชน์กับ Game แนวยิง เฉพาะบางเกม
- Macro สามารถรู้ว่าเรากดอะไรไประหว่างเล่นเกม สามารถกดบันทึกที่ระหว่างเล่นเกมผ่านฟีเจอร์ Game Genie
- นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนโหมดประสิทธิภาพในการเล่นเกมของเครื่องจะมีให้เลือก 4 โหมดได้แก่
- X-Mode / X-Mode+ คือการผลักประสิทธิภาพของเครื่องสูงสุด ถ้าเป็น X-Mode+ จะทำงานร่วมกับพัดลมได้
- Dynamic สามารถปรับให้ทุกอย่างสมดุลเล่นเกมได้ดี
- Ultra Durable ต้องการให้เครื่องอยู่ได้นาน มากขึ้น
- Advance จะสามารถปรับรูปแบบได้ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ
- Hardcore Tuning ให้แรงขั้นสุดได้
- E-Sport Mode ปิดทุกอย่างในการแจงเตือนและมีการจ่ายไฟเข้าไปในเครื่องโดยตรง
- ข่าวสารและการเชื่อมต่อกับ PC
นอกจากฟีเจอร์ของการเล่นเกมไปแล้วก็ยังมีฟีเจอร์ทั่วไปได้แก่ เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, เข็มทิศ และสามารถอัดหน้าจอได้ แต่ที่เหลือนั้นจะเป็นฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในการเล่นเกมอย่างแท้จริง ประกอบไปด้วย
ส่วนระบบความปลอดภัยมีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และ ระบบสแกนใบหน้ามาให้เหมือนเดิม
เปิดกล้องลองถ่ายภาพของ ROG Phone 5
- กล้องหลัง 3 ตัว :
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล (f1.8) PDAF
- 13 ล้านพิกเซล (f2.2, Ultra-Wide)
- 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Macro
- กล้องหน้า: 24 ล้านพิกเซล (f2.0)
ฟีเจอร์ของกล้อง ROG Phone 5
เมนูกล้องของ ROG Phone 5 ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นที่แล้ว แต่ว่าคราวนี้มีโหมดที่แบ่งระหว่างการถ่ายภาพและวิดีโอที่ชัดเจน การใช้งานซูมทำได้ง่าย เมนูกดง่ายเพราะมี icon ที่อธิบายครบจนเรียกได้ว่าเอาใจคนขอบถ่ายภาพระดับหนึ่ง แต่รอบนี้มีแบ่งเป็นโหมดอื่นๆ ก็จะมีการเพิ่ม Pro Video, Night Mode และกลางคืน สามารถซูมได้มากสุด 8X
มาดูเรื่องการถ่ายภาพเคลื่อนไหวบ้าง วิดีโอรุ่นนี้ก็มีฟีเจอร์ควบคุมกันสั่นไหวแบบ EIS มาให้ทำให้ภาพที่ออกมาดูดี แต่ถ้าถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และ 8K / 30 FPS เลยทีเดียว พร้อมกับลูกเล่นทั้ง Timelaps, Slo-mo ได้ช้าสุดที่ HD 480 FPS และ Motion Tracking จับการเคลื่อนไหววัตถุได้ และ Pro Video ที่ทำได้เหมือนมือถือราคาแพงในระดับเดียวกัน และยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงลม, ฟีเจอร์เลือกใช้ไมโครโฟนฯ เป็นต้น และสามารถซูมได้มากที่สุดแค่ 4X
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ROG Phone 5
ภาพกลางวัน / แสนปกติ
ภาพกลางคืน / แสงน้อย
รูปแบบภาพอื่นๆ
ทดลองถ่ายกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล
สำหรับกล้องหน้าของ ROG Phone 5 ยังไม่ได้แตกต่างจากกล้องมือถือปกติ แต่ว่าถ้าโดดเด่นคือมีการเพิ่มลูกเล่น Make up แต่งหน้าได้สวยงามได้ แต่เสียดายว่าถ้าผู้ชายเปิดโหมดนั้นถ่ายแล้วรู้สึกว่ามันดูสาวไปหน่อย ส่วนการถ่ายวิดีโอความละเอียดที่รองรับได้คือ 1080P และเลือกรูปแบบของไมโครโฟนได้ด้วย
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
ขนาดแบตเตอรี่ของ ROG Phone 3 จะมาพร้อมกับขนาด 6000 mAh แบงเป็นทั้งหมด 2 ก้อน ทำให้รู้สึกจะชาร์จไฟเร็วขึ้นกว่าเม การใช้งานจริงถ้าไม่ได้เล่นเกมเลยอยู่รอดทั้งวันแน่นอน แต่อุ่นนิดๆ ส่วน ถ้ามีการเล่นเกมแบบ Dynamic จะเท่ากับการทดสอบอยู่ที่ 11 ชั่วโมง แต่ถ้า X Mode / X Mode Plus จะอยู่ได้แค่ 8 ชั่วโมงครับ แต่ถ้ารักการเล่นเกมแนะนำว่าเปลี่ยนเป็น Ultra Durable Mode จะอยู่ได้นานมากขึ้น แต่ว่าอาจจะมีการลดประสิทธิภาพลง
ส่วนระบบการชาร์จไฟจะอยู่ที่กำลัง HyperCharge 65W เมื่อใช้ที่ชาร์จติดกล่องและรองรับ Power Delivery มาให้ด้วยในตัวและรองรับทั้ง Quick Charge 3.0 และ Power Delivery และรองรับการชาร์จไฟย้อนกลับไปที่ 10W และยังมีระบบดูแลแบตเตอรี่แบบเต็มพิกัด และตัวเครื่องออกแบบให้ชาร์จไฟทั้งด้านข้างด้านล่าง และ ด้านข้างของเครื่องทำให้สามารถเล่นเกมไปชาร์จไฟไปได้สบายๆ (แนะนำว่าถ้าจะเล่นเกมพร้อมกับชาร์จไฟ ที่ชาร์จควรเป็นของแท้ และปลั๊กไฟควรได้รับมาตรฐาน มอก. จะดีที่สุด) ส่วนเรื่องการดูแลแบตเตอรี่นั้นเครื่องนี้ก็มีระบบควบคุมจัดการ Battery Care ควบคุมกำลังไฟ, ความร้อน ควบคุมการชาร์จให้แบตเตอรี่เสื่อมน้อยที่สุดได้ง่ายดาย
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ลองใช้งาน ROG Phone 5 มาสักระยะเวลาหนึ่ง
เป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่ออกแบบเพื่อคนเล่นเกม กับการทดลองใช้งานตั้งแต่ก่อนเปิดตัวมา 2 สัปดาห์จะมาพร้อมกับความดุดันออกแบบให้สามารถเล่นเกมได้ดีและมีพัดลมระบายอากาศ และมีช่องเสียบที่เรียกได้ง่ายทำได้ง่ายมากขึ้น ออกแบบใส่เคสและพัดลมได้พร้อมกับคือสิ่งที่ควรจะทำตั้งนานแล้ว
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงแม้ว่าจะทำไม่ได้ในรุ่นนี้แล้วคือ ถ้าเล่นเกม และไม่ใส่พัดลม มันจะร้อนเกิไปจนถือไม่ไหว คาดว่าเกิดจากขุมพลังให้แรงขึ้นแต่วิธีแก้คือ หยุดเล่นเกมสักแป๊ป ก็จะเย็นลงเท่านั้นเองครับ
สำหรับราคาของ ROG Phone 5 จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นเช่นเดียวกันโดยมีราคาดังนี้
- RAM 8GB / ROM 128GB = 22,990 บาท
- RAM 16GB / ROM 256GB = 29,990 บาท
- จะแถมเคส และ ROG Aero Active Cooler 5 มาให้ในกล่องทั้งคู่
สำหรับโปรโมชั่นกับทาง AIS จะมีราคาเริ่มต้น 15,990 บาท (RAM 8GB / ROM 128GB) 22,990 บาท (RAM 16GB / ROM 256GB)
อุปกรณ์เสริมของเครื่องก็จะมีเพิ่มคือ
- ROG Clip ราคา 990 บาท
- ROG Kunai 3 ราคา 3,990 บาท (แถมกับคนที่ซื้อ เครื่อง ROG Phone 5 สเปก RAM 16GB / 256GB)
- และยังมีการจับคู่ซื้อของแถมมากมาย
สามารถซื้อเครื่องได้ทั้งหมดทั้ง AIS, และตัวแทนจำหน่ายทั้ง ASUS Experence Store และ Online Store
เรียกได้ว่าอุปกรณ์ของเครื่องแม้ว่าจะลดลงแต่ว่าก็มีการใช้งานกับ ROG Phone 3 อยู่ได้มากพอสมควร และดูดๆ ไปแล้วบางทีรุ่นนี้จะคล้ายกับ ROG Phone 3 Strix Edition บ้างก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามถ้าสรุปแล้วมือถือรุ่นนี้คือ ตัวจบสำหรับคอมเกมถ้างบประมาณถึงและไวจริงๆ นะ
จุดเด่น
- หน้าจอของเครื่องใหญ่มากและตอบสนองไวมากขึ้น
- ตัวเครื่องออกแบบแข็งแรงกว่าเดิม
- น้ำหนักเครื่องสมดุลในการถือทั้งฝั่งซ้ายและขวา
- เคสและพัดลมสามารถใส่พร้อมกันได้แล้ว
- ชาร์จไฟไวกว่าเดิม
- ระบบเสียงดีมากขึ้นกว่าเดิม
- มีช่องเสียบหูฟังกลับมาแล้ว
ข้อสังเกต
- กล้องไม่ได้ดีกว่าเดิม
- เล่นเกมนานๆ ถ้าไม่มีพัดลม Aero Active ร้อนมากเป็นพิเศษ
- อุปกรณ์เสริมน้อยลงกว่าเดิม
- ต้องใช้เข็มจิ้มถาดใส่ซิมติดกล่องถึงจะเปิดถาดใส่ซิมการ์ดของเครื่องได้