รีวิว JBL Wave 100 TWS หูฟังไร้สายราคาประหยัดใช้ง่ายๆ แต่เสียงขั้นเทพ

Home » รีวิว JBL Wave 100 TWS หูฟังไร้สายราคาประหยัดใช้ง่ายๆ แต่เสียงขั้นเทพ
รีวิว JBL Wave 100 TWS หูฟังไร้สายราคาประหยัดใช้ง่ายๆ แต่เสียงขั้นเทพ

กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้งสำหรับรอบนี้มาดูหูฟังรุ่นใหม่ของทาง JBL รุ่น Wave 100 TWS ถือว่าเป็นหูฟังที่เปิดตัวในราคาไม่แพงด้วยครับ และใช้งานง่ายมากๆ ด้วยครับ เรามาดูกันว่าหูฟังรุ่นนี้มันจะมีดีอย่างไร และใช้จริงหรือไม่

แกะกล่อง JBL Wave 100 TWS ประกอบด้วย

 batch_dsc05631

  • เคส + หูฟัง
  • คู่มือ 3 เล่มอย่างหนา แต่บอกละเอียดมาก
  • จุกเปลี่ยนขนาดหูฟัง
  • สายชาร์จ USB-C แบบสั้น

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ JBL Wave 100 TWS

 batch_dsc05611

batch_dsc05616
batch_dsc05617
batch_dsc05620

ของเริ่มต้นกับกล่องเก็บของ JBL Wave 100 TWS จะแตกต่างกับหูฟังแบบอื่นๆ คือ ไม่มีฝา โดยใช้แนวคิดของการออกแบบ Zero Cable ไม่มีสายเคเบิลมารบกวนการใช้งาน เพราะปกติหูฟังที่มีฝาจะมีสายเคเบิลให้วุ่นวายอยู่ โดยด้านหน้ามีโลโก้ JBL ขนาดใหญ่มาก แต่สีจะกลมกลืนกับตัวเครื่องโดยเฉพาะสีดำนี้

batch_dsc05615

หันด้านหลังจะมีช่องเสียบชาร์จแบบ USB-C

batch_dsc05618

ส่วนบนเป็นที่เก็บหูฟังจะไม่มีฝาปิด แต่ไม่ต้องห่วงเพราะมีแม่เหล็กค่อยดูดติดกล่องตลอดเวลา มีไฟบอกสถานะของแบตเตอรี่หูฟังบอกทั้งหมด 3 สีคือ

  • สีเขียว = ไฟเต็ม
  • สีเหลือง = ไฟน้อยกว่า 100% แต่มากกว่า 50%
  • สีแดง = น้อยกว่า 25%

และเมื่อเอาหูฟังออกมานั้นจะพบกับขั้วชาร์จไฟแบตเตอรี่ของหูฟัง

batch_dsc05623

มาดูที่ตัวหูฟังดีกว่า ส่วนประกอบภายนอกจะมีโลโก้ JBL ที่เห็นเด่นชัด มันเป็นปุ่มกดที่สามารถกดสั่งงานได้ด้วยและมีไฟสถานบอกการเชื่อมต่อและบอกว่าไฟหมดเป็นแบบสีแดงกระพริบ

batch_dsc05626

ด้านในจะมีจุกแบบ In Ear พร้อมกับไมโครโฟนที่ซ่อนแอบ แม้มองไม่เห็นแต่คุณภาพเสียงที่ออกมาถือว่าทำได้ดีอยู่นะครับ

การสวมใส่

batch_dsc05639

เรื่องนี้ไม่ยากเลยครับ แค่เอาจุกค่อยๆ ใส่ไปที่หูแบบเบาๆ เท่านั้นก็เข้าสู่โลกดนตรีแล้ว แต่ถ้าจุกนั้นใหญ่หรือเล็กไปสามารถถอดปรับเปลี่ยนขนาดได้ง่ายดายครับ

การกดสั่งงาน

batch_dsc05637

หูฟังรุ่นนี้ไม่มีเซนเซอร์ไดๆ ทั้งสิ้นใช้อาศัยการกดสั่งงานเท่านั้น รองรับการสั่งงานทั้งแบบ Stereo และ Mono ได้ตั้งแต่

  • การสั่งงาน
    • กด 1 ครั้งไม่ว่าจะเป็นข้างใดก็ตาม = กดรับสาย / วางสาย / เล่นเพลง / หยุดเพลงชั่วคราว
    • กดค้างไว้ 2 วินาทีปิดไมโครโฟน
    • กด 2 ครั้ง เลื่อนเพลงไปข้างหน้า (Forward)
    • กด 3 ครั้ง เลื่อนเพลงย้อนกลับ (Reverse)
    • แม้ว่าใสครั้งเดียวจะทำงานแบบเดียวกัน
  • การเชื่อมต่ออุปกรณ์
    • กด 1 ครั้ง แล้วกดแช่ไว้ 5 วินาที = เชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่
    • กด 3 ครั้งข้างที่เสียงหาย = เชื่อมต่อใหม่
    • กด 2 ครั้งและกดค้างไว้ 5 วินาที = Reset ค่าใหม่หมด

หากไม่เข้าใจในการกดสามารถดูคู่มือประจำหูฟังได้เลยครับ และหูฟังนี้ถอดหูฟังออกแล้วเพลงไม่หยุด ต้อกดหยุดก่อนถอดออกครับ

การเชื่อมต่อ / คุณภาพเสียงของ JBL Wave 100 TWS

batch_dsc05641

การเชื่อมต่อของหูฟัง JBL Wave 100 TWS ทำได้ง่ายมากครับ สำหรับครั้งแรกแค่ยกออกจากกล่องแล้ว Paring ได้เลย ส่วนฟีเจอร์นั้นไม่ได้มีอะไรมา เลือกแค่การโทรได้ หรือจะใช้แค่มัลติมีเดียอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าการเชื่อมต่อทำได้เร็วเพราะรองรับมาตรฐาน Bluetooth V5.0

คุณภาพของเสียง JBL Wave ยังถ่ายทอดออกมาอย่างครบเครื่อง ด้วยขนาด Driver 8 มิลลิเมตร รองรับย่านความถี่ 20Hz – 20KHz ยังมาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ อย่าง JBL Deep Bass Sound ให้เบสที่หนักแน่น เสียงทุกย่ายทราออกมาคมชัด แต่ถ้าเพลงไหนที่มีจังหวะตืบๆ นี่จะตอบโจทย์กว่า

ส่วนเรื่องของไมโครโฟน ติดตั้งไมโครโฟนแบบพองามทำให้เวลาสนทนาทำได้ดีอยู่ แต่ว่าถ้าอยู่ในสถานที่กลางแจ้งอาจจะต้องทำใจว่า เสียงจะมีดรอบหน่อยนะครับ

แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ

batch_dsc05622

สำหรับขนาดแบตเตอรี่นั้นก็ให้ขนาดกำลังดีเพราะสามารถใช้งานฟังเพลงได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง รวมกับฐานจ่ายไฟได้อีก 3 รอบเท่ากับ 15 ชั่วโมง รวมแล้วได้ 20 ชั่วโมง และชาร์จไฟไม่ยากด้วย USB-C เสียบแค่ 2 ชั่วโมง กล่องก็ไฟเต็มแล้วครับ (นับจาก 0 – 100%)

สรุปหลังทดลองใช้งาน JBL Wave 100 TWS

JBL Wave 100 TWS ยังคงมาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่น่าสนสนใจและพื้นฐานของฟังก์ชั่นแบบพื้นฐานการใช้งานง่ายไม่ต้องใช้ Apps กดปุ่มสั่งงานได้ทั้งหมด แถมยังมีความทนทานละดูดีไม่น้อยเลย และยังมีความน่ารักเพราะมีหลายสี แม้ไม่มีฝาแถมยังให้แม่เหล็กดูดยึดติดกับกล่องมาถือว่าเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้หูฟังใช้งานอีกตัวหนึ่งครับ

ส่วนราคาของ JBL Wave 100 TWS จะอยู่ที่ 3,990 บาท ถือว่าไม่แพงเลยและเป็นหูฟังตัวเริ่มต้นสำหรับ JBL ของปีนี้และมีให้เลือกหลากหลายสีด้วยครับทั้ง ไม่ว่าจะเป็นสีม่วง, สีน้ำเงิน, สีเบจ และ สีดำ และสามารถหาซื้อได้ทาง Lazada เท่านั้น และใครซื้อแล้วอย่าลืมสแกน QR Code ที่กล่องเพื่อได้รับสิทธิ์ประกันเพิ่มอีก 3 เดือน (จากปกติรับประกัน 1 ปี เป็น 1 ปี 3 เดือน

จุดเด่น

  • ดีไซน์เรียบง่ายใช้ได้ง่าย
  • ไม่มีฝาแต่ไม่หลุดง่ายนะ
  • เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์
  • คุณภาพเสียงดีเกินหน้าราคาไปไกล
  • ใส่ง่ายแน่นกำลังดี
  • คุณภาพไมโครโฟนถือว่าใช้ได้เลย
  • แบตเตอรี่อึด

ข้อสังเกต

  • ไม่สามารถใช้ Apps ควบคุมได้
  • ไม่มีเซนเซอร์หยุดเพลงในการถอดหูฟังออก

หากมีเสียงรบกวนเยอะ ไมโครโฟนจะมีเสียง Noise เข้ามาเยอะไปหน่อย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ