กลับมาพบกับรีวิว Gadget และ Smart Phone จากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าพูดถึง Smart Watch ที่มีการเปิดตัวในช่วงนี้ถือว่ามาพอสมควร แต่มีรุ่นหนึ่งที่ราคาไม่แพงและน่าสนใจอย่าง Amazfit T-Rex Pro ตัวนี้ที่จัดเต็มทั้งหน้าตาที่ดุดันและสเปกที่ลงตัว ซึ่งวันนี้จะเราจะพาคุณไปเจาะลึกฟีเจอร์ของตัวนี้กันว่าน่าใช้แค่ไหน
รายละเอียดสเปกของ Amazfit T-Rex Pro
- ขนาด : 47.7 มม. X 47.7 มม. X 13.5 มม. (รวมสายนาฬิกา)
- น้ำหนัก : ประมาณ 58 กรัม (ไม่รวมสายนาฬิกา)
- หน้าจอ : หน้าจอแบบ AMOLED color ขนาด 1.3นิ้ว ความละเอียด: 360 X 360 พิกเซล
- ปุ่ม : ด้านข้างของเครื่องมีทั้งหมด 4 ปุ่ม
- สายนาฬิกา วัสดุ: สายยางซิลิโคน
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth: BT5.0, BLE, GPS+GLONASS
- เซ็นเซอร์ : BioTracker PPG biological tracking optical sensor, 3-axis acceleration sensor, geomagnetic sensor, Ambient light sensor
- แบตเตอรี่ความจุ: 390 mAh ใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุด 66 วัน / ถ้าเปิดฟีเจอร์ใช้ทั่วไป 20 ;น และ 20 ชั่วโมงมีการเปิด GPS
- ระบบปฏิบัติกา : Android 6.0 หรือสูงกว่า / iOS 9.0 หรือสูงกว่า
- เทคโนโลยีชาร์จ : Magnetic Charging
- มาตรฐานการกันน้ำ : 5 ATM water-resistant + MIL-810G
แกะกล่อง Amazfit T-Rex Pro จะประกอบไปด้วย
- นาฬิกา Amazfit T-Rex Pro
- คู่มือการใช้งาน
- สายชาร์จไฟ เป็นแม่เหล็กติดกับ Smart Watch เป็น USB-A
รุปลักษณ์ดีไซน์ของ Amazfit T-Rex Pro
เริ่มต้นกับดีไซน์ของของ Amazfit T-Rex Pro มาพร้อมกับหน้าจอของตัวเครื่องมีขนาด 1.3 นิ้ว ใช้หน้าจอแบบ AMOLED และมาพร้อมกับ Touch Screen ที่จะใช้งานได้ดี นอกจากนี้ยัง มีลวดลายที่ทำให้ดูลุยมากกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหัวน็อตและวัสดุที่ดูดีไม่น้อย ครอบด้วยกระจกด้านหน้าแบบ Gorilla Glass 3
รอบตัวเครื่องเป็นวัสดุที่แข็งแรง และถ้าดูดีๆ แล้วมันก็มีการออกแบบคล้ายกับนาฬิกาอย่าง Casio G-Shock แต่มีขนาดเล็กลง และเมื่อเทียบกับบอดี้แล้วตัวนี้ก็จตะมีน้ำหนักที่เบากว่าพอสมควรเลยครับ ทั้งนี้ในประเทศทไยจะมีจำหน่ายเพียงแค่ Rock Black เพียงสีเดียวเท่านั้น ใครคิดว่ามันคือโลหะ ผิดครับ มันคือพลาสติกที่ดูดีไม่น้อยเลย
สายนาฬิกาสามารถถอดได้แต่ต้องมีเครื่องมือในการถอดเท่านั้น
พลิกมาข้างล่างจะมีเซนเซอร์วัดชีพจรและขั้วชาร์จไฟสำหรับชาร์จไฟ ทั้งนี้ด้านล่างจะเป็นพลาสติกด้วยกัน แต่เห็นว่าการออกแบบของตัวเครื่องจะเป็นแบบ ให้ทนทานมากขึ้น ตามมาตรฐาน STD-LIL-810G สามารถทนความเย็นได้ -40 องศา และทนความร้อนได้มากสุด 70 องศา และลงน้ำได้ครับ แถมกันน้ำได้ลึก 5 ATM
ภาพรวมเมื่อสวมใส่แล้วน้ำหนักของเครื่องเบา ทัชดีใช้งานได้ง่ายไม่ค่อยมีอะไรจุกจิกเท่าไหร่ แต่ว่าความเร็วในการสัมผัสพบว่าอาจจะยังคงมีหน่วงนิดนห่อย ส่วนมาตรฐานเกี่ยวกับสภาพอากาศนั้น สามารถทนได้ดี แต่ว่าถ้าเป็นงานสายลุยอาจจะต้องบอกว่า ยังไม่เหมาะเท่าไหร่
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจในตัว Amazfit T-Rex Pro
สำหรับระบบปฏิบัติการของ Amazfit T-Rex Pro ไม่ได้มีการเลือกใช้ Google Wear OS แต่ใช้ระบบปฏิบัติการของมันเอง จุดเด่นนั้นคือ มันไม่กินทรัพยากรมาก ให้ความลื่นไหล, ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนาน และมีราคาที่ต่ำ มาพร้อมกับการปัดสั่งงานที่ทำได้ตั้งแต่
- การปัดขวามาซ้าย = เรียก Application
- การปัดซ้ายาขวา = ดูการแจ้งเตือน
- การปัดบนลงล่าง = ดูการแจ้งเตือน
- การปัดล่างขึ้นบน = ดูข้อมูลของร่างกายประจำวัน
- กดค้างที่หน้าจอ = เปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดนาฬิกา
- แต่ถ้ากดปุ่ม Select จะเป็นการเข้าโหมดออกกำลังกาย
ข้อสังเกตหนึ่งคือ Amazfit T-Rex Pro จะไม่มีฟีเจอร์ NFC มาให้ดังนั้นไม่สามารถใช้งานเกี่ยวกับการสแกนเพื่อจ่ายเงินได้ และการปรับแต่งทำได้แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดเท่านั้นและมีอีกสิ่งที่ถ้าปรับก็จะดีคือเมื่อนิ้วมือเปียกจะทัชหน้าจอไม่ดีเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีการควบคุมการเล่นเพลงได้
แต่ภาพรวมแล้วก็มีฟีเจอร์พื้นฐานครบทั้งการแจ้งเตือน, เตือนว่ามีสายเข้า แต่รับสายไม่ได้ ทำได้แต่ตัดสาย, โปรแกรมออกกำลังกาย ที่สามารถวัดได้หลากหลายรวมถึงการว่ายน้ำ แต่ยังไม่สามารวัดการกระโดดเชือกได้ และมีระบบการตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ เพียงแต่ ระบบนั้นทำงานค่อนข้างที่จะช้าไปพอสมควร ส่วนการออกกำลังกายข้างนอกสามารถต่อเชื่อม GPS ได้รวดเร็ว
สำหรับ Application ที่ไว้เชื่อมต่อกับนาฬิการวมถึงการ Update Software มีชื่อว่า Zepp ที่สามารถโหลดได้ท้ง Android และ iOS อีกด้วย และควบคุม Smart Watch ได้เต็มที่ด้วยเช่นเดียวกัน และเลือกการแจ้งเตือนได้เช่นเดียวกัน
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่จะมีขนาด 390 mAh ถือว่าแบตเตอรีใหญ่อยู่และใช้ได้นานาเฉลี่ยอยู่ที่ 20 วัน และเวลารชาร์จไฟกลับถือว่าเร็วมากเลยครับ
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน Amazfit T-Rex Pro มาสักระยะเวลาหนึ่ง
เรียกได้ว่าเป็น Amazfit ที่มีหน้าตาดูลุยที่สุดและส่ามารถตกกระแทกได้อย่างหายห่วงอาจจะมีเรื่องของหน้าจอที่ยังต้องปรับปรุงต่อไปในเรื่องของการถูกน้ำ แต่โปรแกรมออกกำลังกายถือว่าทำได้ดีอยู่พอสมควร ที่สำคัญคือ แบตเตอรี่มีปริมาณที่เยอะกำลังดีใช้ได้นาน
สำหรับราคาของ Smart Watch รุ่นนี้อยู่ที่ 5,190 บาท และสามารถหาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายทั่วไป
จุดเด่น
- บอดี้สวยและดูลุยมาก
- หน้าจอสวยคมชัด
- แบตเตอรี่อึด
- GPS จับได้ดี
- มีฟีเจอร์พื้นฐานครบ
ข้อสังเกต
- ระบบการวัดการออกกำลังกายค่อนข้างทำงานช้า
- การปรับแต่งทำได้แค่เปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาเท่านั้น
- Amazit ไม่ค่อยออกแบบให้ย้ายอุปกรณ์ได้ง่ายเท่าไหร่
- ทัชจะมีปัญหาเมื่อหน้าจอถูกน้ำ