รัสเซียคลั่งชาติเหิม เชียร์ปูตินจัดหนักซ้ำยูเครน-กระทืบไลค์บึ้มเคียฟรัวๆ
รัสเซียคลั่งชาติเหิม – วันที่ 11 ต.ค. เอพี สำนักข่าวกลางสหรัฐอเมริการายงานว่า บรรดาสื่อและนักวิชาการคลั่งชาติในรัสเซียแสดงความยินดีต่อการปล่อยขีปนาวุธถล่มยูเครนของกองทัพรัสเซียซึ่งเรียกเสียงประณามไปทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้เปิดปฏิบัติการโต้กลับอย่างรุนแรงต่อยูเครนที่กำลังรุกคืบอย่างรวดเร็ว
บรรดาสื่อและนักการเมืองคลั่งชาติในรัสเซีย ระบุถึงการยิงขีปนาวุธถล่มกรุงเคียฟที่เกิดขึ้นวานนี้ ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรเกิดขึ้นมานานแล้ว เพื่อเป็นการตอบโต้การรุกคืบของกองทัพยูเครนและเหตุระเบิดสะพานที่แคว้นไครเมียซึ่งผู้นำรัสเซียกล่าวหาว่าเป็นฝีมือยูเครน
การปล่อยขีปนาวุธโจมตีหลายเมืองใหญทั่วยูเครนรวมถึงกรุงเคียฟยังเกิดขึ้นหลังบรรดาชาวรัสเซียผู้สนับสนุนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เรียกร้องให้ผู้นำรัสเซียใช้การโจมตีที่รุนแรงเฉียบขาดต่อยูเครนมานานหลายสัปดาห์
นางมาร์การิตา ซิโมเนียน ประธานสื่อโทรทัศน์ อาร์ที ที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาลรัสเซีย ตั้งคำถามถึงการโจมตีกรุงเคียฟว่า “แล้วยังต่อ?” หลังระบุว่า “การตอบโต้มาแล้ว” และว่า “การโจมตีสะพานเชื่อมไครเมียถือเป็นการล้ำเส้นรัสเซีย”
ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ ค็อตส์ ผู้สื่อข่าวสงครามจากสื่อแท็บลอยด์ คอมโซโมลสกายา ปราฟดา ระบุว่า “นี่เป็นเวลาที่รัสเซียต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเรามีขีดความสามารถในการตอบโต้อยู่”
ส่วนนายเซอร์เก มิโรนอฟ หนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า “ถึงเวลาเอาจริงแล้ว หยุดให้ราคากับความเห็นของพวกตะวันตกเสียที”
ส่วนพรรคจัสต์ รัสเซีย ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า “มาตรการคว่ำบาตรรุนแรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พวกมันไม่กล้าใช้คำพูดที่แรงไปกว่านี้แล้ว พวกเราต้องทำในสิ่งที่ควรทำ เราเป็นคนเริ่ม เราต้องไปให้สุด จัดหนักเลย”
กระแสเรียกร้องภายในรัสเซียดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกองทัพรัสเซียปล่อยขีปนาวุธเกือบ 100 ลูก โจมตีเมืองใหญ่ 15 แห่ง ทั่วประเทศยูเครน มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมาก ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องเนื่องจากสายไฟฟ้าขาด เส้นทางคมนาคมเสียหาย และระบบน้ำประปาล้มเหลว
นอกจากนี้ การโจมตีดังกล่าวยังถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่กรุงเคียฟเผชิญกับการโจมตี โดยการระเบิดยังเกิดขึ้นใกล้กับอาคารของรัฐบาลยูเครนด้วย
นายรัมซัน คาดีรอฟ นักการเมืองเชชเนียที่มีอำนาจสูงสุดในเขตสหพันธ์คอเคซัสเหนือของรัสเซีย หนึ่งในผู้สนับสนุนสุดโต่งของประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า “มีความสุข 100%” กับความคืบหน้าล่าสุดของปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน พร้อมยังยืนยันข้อเรียกร้องเดิมให้ประธานาธิบดีปูตินใช้หัวรบนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีกับยูเครนด้วย
เช่นเดียวกันกับนายเซอร์เก อัคสโยนอฟ ผู้ว่าแคว้นไครเมียที่รัสเซียแต่งตั้งขึ้น กล่าวถึงการปล่อยขีปนาวุธโจมตียูเครนว่า “เป็นข่าวดี” ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากกลุ่มที่สนับสนุนปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนให้กองทัพรัสเซียรักษาความหนักหน่วงของการโจมตีต่อไป
นายอัคสโยนอฟ ระบุว่า หากกองทัพรัสเซียโจมตีรุนแรงแบบนี้ได้ทุกวัน ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนน่าจะยุติลงได้ไปตั้งแต่เดือนพ.ค. ที่ผ่านมาแล้ว และตนหวังว่ากองทัพรัสเซียจะเดินหน้าใช้การโจมตีที่หนักหน่วงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
นายอันเดรย์ เมดเวเดฟ นักจัดรายการชื่อดังทางสถานีโทรทัศน์อาร์ที กล่าวว่า การโจมตียูเครนทั่วประเทศด้วยขีปนาวุธนั้นสมเหตุสมผลทางยุทธวิธีแต่ยังไม่มีผลเปลี่ยนแปลงให้เห็นเป็นรูปธรรม
นายเมดเวเดฟ กล่าวเสนอว่า หากการทำลายระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น รางรถไฟ ถนน ระบบไฟฟ้าและน้ำประปา เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การรบของรัสเซียก็จะเห็นผลเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า ทว่า รัสเซียกลับยังไม่ตัดสินใจที่จะส่งยูเครนกลับไปสู่ยุคกลางเสียที
ด้านนางทัตยานา สตาโนวายา ผู้ก่อตั้งกลุ่มนักวิเคราะห์อิสระ R.Politik กล่าวว่า ประธานาธิบดีปูตินกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันสูงจากบรรดากองเชียร์คลั่งชาติให้ยกระดับความรุนแรงการโจมตีในยูเครน
“การโจมตีที่เกิดขึ้นล่าสุดจากรัสเซียนั้นเป็นการที่ประธานาธิบดีปูตินหันไปฟังกองเชียร์คลั่งชาติและเริ่มมีความเข้าใจต่อสถานการณ์สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น (ว่ากำลังพ่ายแพ้) แต่หนทางข้างหน้านั้นอันตรายต่อประธานาธิบดีปูตินมาก เพราะไม่มีทางที่จะกลับลำได้อีก” สตาโนวายาระบุ