ระทึก เรือสปีดโบ๊ทล่ม ท้องเรือแตก 7ชีวิต-แม่เฒ่าวัย80 ลอยคอกลางทะเล เกาะช้าง จังหวัดตราด ผู้ประสบเหตุเผยนาทีชีวิต เจ้าหน้าที่รุดช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 17 ม.ค. 2565 นายมานพ เหลืออ่อน ผอ.สำนักงานเจ้าท่า เขต 6 สาขาตราด ร่วมกับชุดศูนย์รักษาทางทะเลตราด กองทัพเรือ ทหารเรือเกาะช้าง (ศรภ.เกาะช้าง) สถานีตำรวจน้ำ 5 กก. 5 บก.รน. (แหลมงอบ ) และเรือประมงใกล้เคียง เข้าช่วยเหลือเหตุเรือสปีดโบ๊ทล่ม ที่หน้าเกาะลิ่ม ห่างจากฝั่ง ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด ประมาณ 2 กม.
นายมานพ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งแล้วและได้ทราบพิกัดแล้ว ได้ขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งศรภ.เกาะช้างและตำรวจน้ำ ที่นำสบีดโบ๊ทเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมประสานงานเรือประมงที่ทำประมงอยู่บริเวณนั้นให้ตรวจสอบและหากพบให้ช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่ามีผู้เดินทาง 8 คน รวมนายท้ายเรือ มีคลื่นลมแรงและท้องแรงถูกกระแทกแรงหลายครั้งจึงทำให้ท้องเรือแตก
ต่อมาเวลา 17.30 น.เจ้าหน้าที่เจ้าท่าที่ 6 สาขาตราด ได้รับแจ้งจากเรือเจ้าท่าที่ออกไปช่วยเหลือพร้อมเรือศรภ.เกาะช้าง และเรือตำรวจน้ำแหลมงอบ ที่ออกช่วยเหลือว่าพบผู้ประสบภัยลอยคออยู่ที่กลางทะเลหน้าหาดทรายดำ ขึ้นฝั่งที่บ้านแหลมทองหลาง ต.แหลมงอบ ที่ห่างกันประมาณ 2 กม. ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือเข้าไปช่วยเหลือ เป็นผู้ชายวัยสูงอายุประมาณ 60 ปี ที่มีอาการอ่อนเพลีย และนำส่งไปที่รพ.แหลมงอบ
ขณะที่ท่าเรือประมงแหลมงอบ เรือสปีดโบ๊ทของเจ้าท่าตราดนำผู้ประสบภัยทั้ง 6 คน เข้ามาเทียบท่า โดยมีพ.ต.อ.สมชาย อยู่สวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ตราด,พ.ต.อ.เฉลิมศักดิ์ เถียรทองศรี ผกก.สภ.แหลมงอบ และหน่วยงานที่มา ศรภ.เกาะช้าง และกรมประมง
ซึ่งเมื่อถึงท่าเรือประมงแหลมงอบ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือได้เข้าช่วยเหลือนางลัดา วงศ์อารีย์ ก่อนหลังพบว่า มีอาการอ่อนเพลียและนอนราบมากับเรือสปีดโบ๊ท ซึ่งต้องนำเปลหามขึ้นไปและส่งรพ.แหลมงอบโดยด่วน ส่วนคนอื่นๆมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
นายมินยา วงษ์อารีย์ ผู้ประสบภัยคนหนึ่ง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า นายมินยา วงษ์อารีย์ อายุ 66 ปี ผู้ประสบเหตุคนหนึ่ง กล่าวว่า เรือมันแตกระหว่างเดินทางเข้าฝั่ง หลังเดินทางไปเที่ยวเกาะช้าง ที่บ้านสลักคอก และระหว่างเดินทาง ท้องเรือได้กระแทกกับท้องทะเล ทำให้พื้นเรือสปีดโบ๊ทแตก และเรือก็จมลง ทำให้ต้องลอยคออยู่ในทะเลนานกว่า 2 ชม. ซึ่งทุกคนได้สวมเสื้อชูชีพไว้ด้วย
ยายซึ่งเป็นพี่สาวตนเองอายุ 80 ปี ที่มีอาการตกใจและอ่อนเพลียจากการที่อยู่ในทะเลนานต้องดูแลและพยุงให้ลอยอยู่ในทะเล ซึ่งระหว่างนั้นก็พยายามโทรเรียกเรือมาช่วยนานเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่เกิดเหตุได้ แต่โชคดีที่มีเรือประมงจำนวน 3 ลำ มาช่วยไว้ได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องจดจำ และเข็ดไปจนตาย ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยเดินทางไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว วันนี้ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือจนรอดชีวิตมาได้ทุกคน
ทางด้านนายสมควร จันทร์ศิริ อายุ 62 ปี คนขับเรือสปีดโบ๊ท ได้เล่านาทีชีวิตที่เกิดในครั้งนี้ว่า หลังจากนำผู้โดยสารทุกคนรวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปทำธุระที่บ้านสลักคอกที่ ต.เกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด โดยออกจากเกาะลิ่ม มุ่งสู่หน้าทะเลแหลมทองหลาง โดยปักหัวมาเลยร่องน้ำหน้าบ้านยายม่อมประมาณ 200 เมตร ห่างจากฝั่งทะเลแหลมงอบ 2 ไมล์ทะเล เรือได้แตกแยกออกเป็นสองส่วน และน้ำได้ทะลักเข้าในเรือ จึงเบาเครื่องแล้วให้ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ
แล้วให้ผู้โดยสารโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ ส่วนสาเหตุที่เรือแตกครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าปกติเวลาเรือวิ่งจะหน้าลอย แต่การขับมาครั้งนี้ปรากฏว่าหน้าเรือไม่ลอย ซึ่งเมื่อมาถึงบริเวณร่องน้ำด้านในก็เกิดเหตุขึ้น ตนเองได้บอกผู้โดยสารทุกคนว่าเรือไปไม่ไหวขอให้ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ และบอกยายให้เกาะหัวเรือไว้และให้ช่วยกันพยุงยายไว้
“ผมเองเป็นคนทะเล ประสบเหตุการณ์แบบนี้มาบ่อยจึงไม่ตกใจเท่าไร แต่สำหรับผู้โดยสารทุกคนน่าจะตกใจและช็อคกับเหตุการณ์ครั้งนี้มาก อยากจะบอกว่า ชีวิตของเราเกิดได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งช่วงอยู่กลางทะเลก็ช่วยกันว่ายน้ำพยุงกันมาเรื่อย ๆ เพื่อเข้าหาฝั่ง และผมก็พูดอะไรไม่ค่อยถูก แต่ก็ได้ช่วยประคองทุกคนมาเรื่อย ๆ และเตือนสติทุกคนว่า อย่าทิ้งคุณยาย จึงตัดสินใจเทน้ำมันออกจากถังแกลลอนทั้งหมด แล้วให้คุณยายจับแกลลอนไว้แล้วผมก็ประคองคุณยายมาตลอด
และบอกทุกคนว่าอย่าไปฝืนคลื่นให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ ซึ่งระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงที่อยู่กลางทะเลนั้น ได้เห็นเรือของกรมประมงที่ออกมาจากแหลมทองหลาง จึงได้โบกมือให้เค้า เค้าเห็นอะไรลอยขึ้นมา ผมก็โบกมือเรื่อย ๆ และเค้าก็เห็นจึงวิ่งเรือเข้ามาหา ทุกคนดีใจมากเมื่อเห็นเรือมาช่วยโดยเฉพาะคนมุสลิมด้วยกัน และช่วยกันพยุงขึ้นเรือครบทุกคน และสุดท้ายได้บอกยายว่าเรือมันแตก และวันนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว”
สำหรับ ผู้ประสบเหตุประกอบด้วย สำหรับผู้ประสบเหตุเรือล่มจำนวน 7 คน ประกอบด้วย นายมินยา วงษ์อารีย์ อายุ 66 ปี นางลัดดา วงษ์อารีย์ อายุ 80 ปี ลุงพล (ไม่ทราบนามสกุล) นายอำนวย ชัยรามัญ นายใหญ่ วงษ์อารีย์ (หลายชายนายมินยา) นายสมควร จันทร์ศิริ อายุ 62 ปี คนขับเรือ และอีกคนที่ขึ้นที่แหลมทองหลาง ไม่ทราบชื่อและนามสกุล