รอไหวไหม? เมนูโครเก็ตเนื้อ ร้านดังญี่ปุ่น ราคาไม่แพงแต่คิวยาว 43 ปี

Home » รอไหวไหม? เมนูโครเก็ตเนื้อ ร้านดังญี่ปุ่น ราคาไม่แพงแต่คิวยาว 43 ปี
รอไหวไหม? เมนูโครเก็ตเนื้อ ร้านดังญี่ปุ่น ราคาไม่แพงแต่คิวยาว 43 ปี

เมนูโครเก็ตเนื้อ เนื้อทอดผสมกับมันฝรั่ง ร้านดังญี่ปุ่น เปิดมาเกือบศตวรรษ ราคาไม่แพงแต่คิวยาวไป 43 ปีแล้ว

ทุกวันนี้ใครที่ออกไปกินข้าวตามร้านอาหารต่างๆ แล้วต้องเจอกับคิวรอก่อนหน้าเป็นจำนวนมากก็คงจะรู้สึกเบื่อ หรือหงุดหงิดไม่น้อยโดยเฉพาะใครที่กำลังหิวจัดๆ แต่การรอคิวที่หลายคนเคยเจอนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยทันที เมื่อต้องเจอกับคิวรอออเดอร์ของร้าน อาซาฮิยะ ที่ตอนนี้มีคิวลากยาวไปถึง 43 ปี เลยทีเดียว

สำหรับร้าน อาซาฮิยะ (Asahiya) เป็นร้านขายอาหารโดยเฉพาะเนื้อเป็นหลัก ตั้งอยู่ที่เมืองทาคาซาโกะ จังหวัดเฮียวโงะ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ร้านนี้เป็นที่โด่งดังบนโลกออนไลน์ และในกลุ่มของคนที่ชอบทานเนื้อ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1926 หรือ 98 ปีที่แล้ว โดยมีเมนูเด่นและเป็นที่ขึ้นชื่อก็คือ เอ็กซ์ตรีมโครเก็ต และ โครเก็ตเนื้อ หรือเมนูเนื้อทอดผสมกับมันฝรั่ง

นอกจากรสชาติที่ถูกอกถูกใจผู้ที่ได้ไปลิ้มรสแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ โครเก็ตเนื้อ และเมนูเนื้ออื่นๆ ของร้านอาซาฮิยะ ได้รับความนิยมก็คือราคาที่ค่อนข้างถูกสวนทางกับคุณภาพเนื้อที่ทางร้านเลือกใช้เนื้อโกเบซึ่งเป็นเนื้อที่มีราคาแพง และเนื้อเกรดพรีเมียมคุณภาพดีทั้งหมดนั่นเอง

เดิมทีก่อนหน้านี้ลูกค้าที่มาอุดหนุนร้านอาซาฮิยะ ไม่กล้าที่จะสั่งเนื้อเกรดพรีเมียมเพราะกลัวว่าจะมีราคาแพง คุณนิตตะ ทายาทผู้ดูแลร้านรุ่นที่ 3 จึงมีการปรับกลยุทธ์การขายด้วยการชูจุดเด่นเมนู โครเก็ตเนื้อ ให้เป็นที่รู้จักด้วยการปรับราคาเมื่อคิดเป็นเงินไทยแล้วจะมีราคาชิ้นละ 65 บาทเท่านั้น แม้ต้นทุนของเนื้อชิ้นนี้จะสูงถึงประมาณ 97 บาท แต่ทาง คุณนิตตะ ไม่ได้สนใจเรื่องกำไรเพราะเขาต้องการให้ร้านเป็นที่รู้จัก ซึ่งแน่นอนว่ามันได้ผล

จนเมื่อปี 2016 ทางร้านต้องหยุดขายเมนูดังกล่าวชั่วคราวเพราะขณะนั้นคิวที่รอเมนูนี้ลากยาวทะลุ 14 ปีไปแล้ว แต่ก็หยุดได้แค่ปีเดียวเท่านั้นเนื่องจากทนกระแสเรียกร้องไม่ไหวกลับมาเปิดรับออเดอร์อีกครั้ง พร้อมกับมีการปรับราคาเนื้อเพิ่มขึ้นจากเดิมตามสภาพเศรษฐกิจเป็นชิ้นละ 120 บาท ซึ่งก็ถือว่าก็ยังมีราคาถูกอยู่ดีสำหรับเนื้อโกเบ รวมไปถึงยังได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตเมนูโครเก็ตเนื้อจากเดิมสัปดาห์ละ 200 ชิ้น เป็นวันละ 200 ชิ้น แต่คิวรอก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดตอนนี้คิวยาวไปถึง 43 ปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าคนไหนที่อดทนรอเมนูโครเก็ตเนื้อไม่ไหวก็เลือกที่จะหันไปสั่งเมนูเนื้ออื่นๆ ในร้านแทน ซึ่งก็ถือว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ คุณนิตตะ ที่เป็าหมายของเขาไม่ใช่การขาย โครเก็ตเนื้อ เท่านั้น แต่เป็นการสร้างกระแสให้ร้านเป็นที่รู้จักเพื่อดึงให้เมนูหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในร้านได้รับความสนใจตามไปด้วย หากนับการขายเพียงโครเก็ตเนื้ออย่างเดียวถือว่าขาดทุนแน่นอน แต่การที่สินค้าอื่นๆ ภายในร้านได้รับความสนใจ เพิ่มขึ้นก็พอทำให้มีกำไรหักลบกันได้บ้าง

สำหรับการจัดส่งสินค้านั้น คุณนิตตะ เผยว่า จะทำการส่งทางไปรษณีย์ หรือบริษัทขนส่ง ตัวโครเก็ตเนื้อจะถูกทำไว้แบบกึ่งสำเร็จรูปและให้ลูกค้าไปทอดเอง โดยทั้งหมดจะเป็นการทำแบบวันต่อวัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ