ตร.รวบ 5 ทรชน อุ้มฆ่ามัดมือหนุ่มโรงงาน ทิ้งศพเลียบถนนมอเตอร์เวย์ ยังให้การขัดแย้ง เผยปัญหาปมชู้สาว จ่อสอบเมียคนตายเพิ่ม

วันนี้ (2 ก.พ.67) ที่ สภ.บางปะกง พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ฉะเชิงเทรา และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีกลุ่มคนร้าย ร่วมกันฆ่า นายใหม่ หนุ่มโรงงาน โดยมัดมือมัดเท้า ทิ้งศพถนนเรียบด่วนมอเตอร์เวย์ พื้นที่ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยตำรวจติดตามจับกุมตัว นายกิต หรือช่างกิตได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และคุมตัวมาสอบสวน โดยนายกิต ให้การซัดทอดกลุ่มผู้ร่วมขบวนการ คือ นายนันทพัทธ์ หรือโอ๊ต ,นายปานเทพ หรือแท็ป ,นายสุขสงกรานต์ หรือกรานต์ และนางสาวอภิสรา หรือนิว โดยทั้ง 4 รายได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ แล้ว

รอง ผบช.ภ.2 กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าผู้ก่อเหตุมีมากกว่า 1 คน อย่างแน่นอน ที่สำคัญมีการวางแผนมาแล้ว ตั้งแต่ไปดักรอดูความเคลื่อนไหว จนถึงการอำพรางศพ โดยทราบพฤติกรรมว่าก่อนที่จะเกิดเหตุประมาณ 6 วัน นายกิต ได้ขับรถยนต์คันก่อเหตุไปวนเวียนอยู่ที่บ้านของ นายใหม่ มาแล้ว เพื่อไปดูความเคลื่อนไหวของนายใหม่

จากนั้น ในคืนวันเสาร์ที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ผู้ต้องหา ทั้ง 5 คน ได้มารวมตัวกันที่อู่ของนายกิต ที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ จากนั้นได้ขับรถยนต์คันก่อเหตุไปที่บริเวณบ้านของนายใหม่ เพื่อรอดูเวลาที่ผู้ตายจะออกไปทำงาน กระทั่งนายใหม่ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้าน กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถตามไป

เมื่อนายใหม่ขับออกจากบ้านได้ประมาณ 2 กิโลเมตร กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถปาดหน้าทันที แล้วบังคับให้นายใหม่ขึ้นเก๋ง ซึ่งตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพขณะที่คนร้ายขับรถเก๋งปาดหน้า เอาไว้ได้ ส่วนนายโอ๊ต เป็นคนลงไปขับขี่รถจักรยานยนต์ ของนายใหม่ ตามมาด้วย ซึ่งตามคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย อ้างว่าหลังจากที่อุ้มนายใหม่ ขึ้นรถแล้วก็ได้ขับวนกลับมาที่อู่ของช่างกิต อีกครั้ง โดยเหลือแค่ ช่างกิต กับนายใหม่ ไว้ในรถเพียง 2 คน ซึ่งนายกิต อ้างว่าตั้งใจจะมาเคลียร์ปัญหาส่วนตัวกับนายใหม่ แต่เคลียร์กันไม่ลงตัว

จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่นายใหม่ จนเสียชีวิต จากนั้นก็ได้ชำแหละรถจักรยานยนต์ ของผู้ตายนำไปทิ้งพร้อมอาวุธปืน โดยนำไปทิ้งลงแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การทั้งหมดของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย เพราะตอนนี้ยังให้การไม่ตรงกัน เนื่องจากทั้ง 4 ราย ที่เพิ่งมามอบตัวให้การภาคเสธว่า รู้แค่ตอนอุ้มผู้ตายขึ้นรถ แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

และให้การตรงกันแค่เรื่องของเหตุการณ์ ที่อุ้มผู้ตายขึ้นรถแล้วกลับมาที่อู่ของนายกิต จากนั้นปล่อยให้อยู่กัน 2 คน และไม่ได้อยู่ตอนเกิดเหตุด้วย แต่หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ให้การไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่าอาจจะมีการเตี้ยมกันมาก่อน ส่วนตอนนำศพไปทิ้ง นายกิต อ้างว่าไปกัน 3 คน แต่อีก คน 4 อ้างว่านายกิต ไปเพียงแค่คนเดียว ซึ่งตรงนี้ตำรวจชุดสืบสวนต้องไปหาหลักฐานมาเพิ่มอีกครั้ง ทั้งกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนเรื่องที่นำรถจักรยานยนต์ที่นำไปทิ้งนายกิต ก็อ้างว่านายโอ๊ต ไปคนเดียว แต่พอมาสอบปากคำนายโอ๊ต อ้างว่ามีนายกิต เดินทางไปด้วย ซึ่งตรงนี้ตำรวจก็ต้องมาสืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย สำหรับเรื่องของการมัดมือมัดเท้าผู้ตาย ตอนนี้ผู้ต้องหาก็ยังให้การไม่ตรงกัน แต่เชื่อว่าผู้ต้องหาได้มีการมัดมือเท้าผู้ตายก่อนจะลงมือยิงแล้วนำศพไปทิ้ง แต่ยังไม่ทราบว่ามีใครเป็นคนช่วยมัดบ้าง สำหรับปมเหตุที่ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพอ้างว่าเป็นการขัดแย้งส่วนตัว ไม่ได้มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด

ส่วนประเด็นข้อสงสัยเรื่อง ใครเป็นคนตอบแชทคุยกับภรรยาของผู้ตาย ประเด็นนี้ทางกลุ่มผู้ต้องหา ก็ยังให้การไม่ตรงกัน และทางตำรวจก็ยังไม่เจอโทรศัพท์มือถือของผู้ตายด้วย ดังนั้นยังสรุปไม่ได้ว่าใครคือคนตอบแชทกับภรรยาผู้ตาย แต่เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย 8 ข้อหา ประกอบด้วย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ซ่อนเร้นอำพรางศพ ,

ปล้นทรัพย์ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , หน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่น , ข่มขืน ใจผู้อื่น , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับ , พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และยิงปืนในที่สาธารณะ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งว่าใครมีการกระทำความผิดแบบไหน แล้วแยกข้อหากันไปทีละคน

พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย นวท.(สบ.5)ศพฐ2 กล่าวสรุปภาพรวมถึงการพิสูจน์หลักฐาน ว่าได้ติดตามตั้งแต่ช่วงแรก ได้มีการพูดคุยในชั้นสืบสวน พบลูกกระสุนปืนจากศพผู้ตาย ได้มีการวิเคราะห์กระสุน พบว่าเป็นปืนที่หาได้ง่ายและดัดแปลงขึ้น ส่วนวันนี้รถของกลางมีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ มีการแยกส่วนของ DNA เพื่อหาผู้กระทำร่วมมีการหาเขม่าดินปืนในรถ

เพื่อขยายผลต่อไป เพื่อดูความเชื่อมโยงของคำให้การ ส่วนหลักฐานจากตัวผู้ตายมีการแยกวัตถุพยานเพื่อให้เกิดการบ่งชี้ ไม่ว่าจะเป็นเชือก หรือ DNA ผู้อื่นจาร่างผู้ตาย เจ้าหน้าที่ทำงานประสานร่วมกันพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนในรถยนต์คันก่อเหตุ พบร่องรอยของเลือด แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นเลือดของผู้ตาย ลักษณะการยิงระยะห่างระหว่างปลายกระบอกปืนกับหัวของผู้ตายค่อนข้างห่างพอสมควรไม่ใช่ลักษณะการจ่อยิง

พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า หลังจากนี้ ทางตำรวจจะมีการสอบปากคำภรรยาของผู้ตายเพิ่มเติม ส่วนเขาจะให้การอย่างไร ก็จะถือว่าเป็นข้อมูลในสำนวน บางส่วนที่สามารถเปิดเผยได้และไม่เปิดเผย

สำหรับมือถือของผู้ตาย ตอนนี้อยู่ระหว่างตามหาเพราะคำให้การขัดแย้งกันว่าใครเป็นคนเก็บโทรศัพท์ หลังจากพบโทรศัพท์ ก็เชื่อว่าน่าจะทำให้คำให้การมีความชัดเจนขึ้น และมีแนวทางเพิ่มขึ้น ส่วนมือถือของผู้ต้องหา ตอนนี้อยู่กับทางตำรวจ อยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนนี้ มีการสนทนาเชื่อมโยง แต่อยู่ในสำนวนขอยังไม่เปิดเผย ตำรวจยืนยันที่จะเดินตามพยานหลักฐาน

ส่วนจุดที่พบศพ ที่มีการเผาหญ้านั้น ตำรวจได้ข้อมูลมา 2 ส่วนคือ ในส่วนของการมารับศพและมีพิธีการเชิญดวงวิญญาณ และชาวบ้านเป็นผู้มาเผาเพื่อการป้องกันกลิ่นและทำให้ที่ตรงนั้นไม่อาถรรพ์ ซึ่งไม่มีผลต่อรูปคดี