สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี – รพ.ปทุมธานี แถลงขอโทษญาติ สลับศพกับผู้ป่วย เปิดไทม์ไลน์เหตุการณ์ พร้อมปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก ขณะที่ลูกสาวรับร่างพ่อตัวจริง สิ้นลมเช้ามืดวันนี้ไปประกอบพิธีรอบ 2 วอนรพ.ช่วยเยียวยาด้วย
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 11 มี.ค.2565 ที่รพ.ปทุมธานี น.ส.ภาสุรี ศรีปราช อายุ 32 ปี พร้อมญาติๆเดินทางเข้ารับศพ นายบุญหนา ศรีปราช อายุ 66 ปี ผู้เป็นพ่อ ไปบำเพ็ญกุศลซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา หลังก่อนหน้านี้รับศพ นายธีระ ระงับโจร ไปประกอบพิธีและถาปนกิจศพไปแล้วเนื่องจากรพ.ระบุว่าเป็น นายบุญหนา ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด จนกระทั่งลูกสาวนายธีระ มาที่รพ.ถึงมีการตรวจก่อนพบมีการสลับเชื่อกัน โดยมีตัวแทนรพ.ปทุมธานี นำพวงหรีดและเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้
น.ส.ภาสุรี เปิดเผยว่า รพ.โทรแจ้งเวลา 04.15 น.คุณพ่อเสียชีวิต ครั้งแรกที่นำร่างคนที่ไม่ใช่พ่อเราไปบำเพ็ญกุศล เมื่อเรารู้ก็ช็อกมีหลายความรู้สึก ทั้งดีใจที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ครั้งนี้เป็นพ่อเราแน่นอน ครั้งแรกที่คุยกันก่อนที่พ่อยังไม่เสีย รพ.บอกยินดีที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จัดงานไปในรอบแรก แต่พอมารอบ 2 รพ.ยังไม่ติดต่อเยียวยาเลย วันนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ถ้าเป็นคนที่หาเช้ากินค่ำจะเอาเงินที่ไหนมาจัดงานศพถึง 2 ครั้ง อยากถามรพ.ตรงนี้ว่าจะมีการเยียวยาอย่างไร และออกมาพูดคุยกับเราบ้าง
จากนั้นเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นพ.ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นพ.ยรรยง เสถียรภาพงษ์ รองผอ.รพ.ปทุมธานี นพ.อภิชน จีนเสวก รักษาการแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นางพรทิพย์ คะนึงบุตร หัวหน้ารพ.ปทุมธานี ร่วมกันแถลงสรุปผลดำเนินการตรวจสอบกรณีระบุตัวผู้ป่วยผิดพลาด โดยสรุปว่า วันที่ 16 ม.ค.2565 เวลา 18.14 น. หอผู้ป่วย 1/5 รพ.ปทุมธานี รับผู้ป่วยโควิด 6 ราย จากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเอกชน ทั้ง 2 รายเป็นเพศชายทั้งคู่ อายุเท่ากันเป็นผู้ป่วยติดเตียง ให้อาหารทางสายยาง ไม่สามารถสื่อสารได้ และรับเข้าดูแลในห้องผู้ป่วยห้องเดียวกัน
วันที่ 20 ม.ค.2565 เวลา 04.00 น. หอผู้ป่วยแยกโรค 1/5 ต้องเตรียมรับผู้ป่วยหนักรายอื่นจึงได้ย้ายผู้ป่วย 2 รายนี้ไปหอผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรวม (3/3) และด้วยผู้ป่วยทั้ง 6 รายนี้ มีสภาพอาการใกล้เคียงกัน ย้ายในเวลาใกล้เคียงกัน จึงคาดว่าน่าจะมีการสลับป้ายชื่อผู้ป่วย แต่ผู้ป่วยทั้ง 2 รายยังได้รับการรักษาตามอาการของแต่ละคน และหอผู้ป่วยได้มีการสื่อสารกับญาติของผู้ป่วยทั้งสองเป็นระยะทางโทรศัพท์ เนื่องจากไม่สามารถให้ญาติเยี่ยมได้ตามมาตรการเฝ้าระวังโรคโควิดของโรงพยาบาล
วันที่ 23 ม.ค.2565 เวลา 16.00น. ผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการทรุดลงและเสียชีวิต รพ.ประสานแจ้งญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา แต่ญาติไม่สามารถดูใบหน้าได้เนื่องจากเป็นผู้ป่วยโรคโควิดต้องบรรจุศพในถุงชิปล็อก 2 ชั้น ซึ่งญาติได้ประกอบพิธีการทางศาสนา และเก็บกระดูกไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนผู้ป่วยอีกรายได้รับการรักษาจนพ้นระยะการแพร่กระจายเชื้อโควิด แต่ยังมีภาวะปอดอักเสบ
วันที่ 7 มี.ค. 2565 เวลา 20.30 น. ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ ทรุดลง จึงติดต่อให้ญาติมาเยี่ยม เมื่อญาติมาถึงพบว่าผู้ป่วยไม่ใช่บิดาและยืนยันด้วยบัตรประชาชน คาดว่าบิดาน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเห็นควรสืบสวนหาข้อเท็จจริง เบื้องต้นเป็นความผิดพลาดเรื่องป้ายชื่อ ป้ายเตียง ทำให้สลับศพกันเมื่อมีความผิดพลาดต้องขออภัยขอโทษจริงๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งไม่มีใครตั้งใจจะให้เกิดขึ้นซึ่งอาจเป็นเรื่องของการฟังและเร่งรีบการดูแลผู้ป่วยในการรักษาและก็จะนำไปแก้ไขปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นและไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีก
ด้านนพ.ยรรยง กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งจะสอบสวนหาข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อนำมาปรุงปรุงแก้ไข สถานการณ์โควิดระบาดเราอาจจะพิจารณาให้ญาติได้เยี่ยม กรณีผู้ป่วยเสียชีวิตไปแล้วมีการบรรจุศพซิป 2 ชั้นในสถากรณ์นี้เราจะถ่ายรูปให้ญาติได้ดูซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้ว