จากกรณีที่มีผู้ปกครอง ได้โพสต์ข้อความลงในเพสบุ๊คส่วนตัว เพื่อเป็นการเตือนภัยกับสังคมว่า “เตือนภัยในวัดก็ไม่ปลอดภัยเด้อ การบวชเรียนภาคฤดูร้อนของเณร พระบอกขอเวลาวันจันทร์จะสึก เราต้องรอใช่ไหม? สึกแล้วก็จะบวชใหม่ว่าสั้น ฉันจึงต้องออกมาเตือนภัย เพราะคำพูดหน้าตาเฉยไร้ยางอาย เพราะครั้งนี้ที่มันเกิดเรื่องขึ้นกับหลานไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็มีคนเคยโดนพระรูปนี้ทำอนาจาร ครั้งก่อนๆ คนอื่นอาจจะยอมให้อภัย แต่ครั้งนี้เรื่องเกิดขึ้นกับหลาน ฉันไม่ยอมแม่ของหลานก็ยิ่งไม่ยอม ณ ตอนนี้ชาวบ้านก็อยากให้สึกไวๆ ไม่เข้าใจที่ผ่านมาพากันหลับหูหลับตายอมให้อภัยได้ยังไง…คนต่อไปก็โดนทำอนาจารอีกจะปล่อยมันไว้เป็นมารศาสนาทำไม ยังจะยกมือไหว้ก้มลงกราบลงอีกรึไง”
(27 พ.ค.64) เวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ นางไหม (นามสมมุติ) อายุ 78 ปี ยายของ ด.ช.ที (นามสมมุติ) วัย 11 ปี หลานชาย ชาว ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดณธานี หลังจาก น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวและได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนเพื่อให้ช่วยดำเนินการติดตามเรื่องที่ลูกชายถูกพระทำอนาจาร
นางไหม เล่าว่า หลานชาย เป็นลูกของลูกสาวตนที่ไปทำงานต่างจังหวัด หลังจากโรงเรียนปิดภาคเรียน หลานชายก็จะไปบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ที่วัดใน อ.กุดจับ ไปบวชมาแล้วเป็นปีที่ 2 ซึ่งในปีแรกที่ไปบวชก็ไม่มีเรื่องอะไร เพราะพักอยู่ที่กุฏิกับหลวงตาเจ้าอาวาท มาปีนี้เป็นปีที่ 2 หลานชายก็ได้ไปบวชสามเณรภาคฤดูร้อน และมีสามเณรรุ่นเดียวกัน 2 องค์ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านมาบวชด้วย จึงได้ไปนอนที่กุฏิของ พระทอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยง คอยสอนหนังสือและบทสวดมนต์ มาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ นานหลายปีแล้ว
ซึ่งเมื่อวานนี้เป็นวันพระตนได้ไปวัดและจะเตรียมทำเรื่องศึกเพราะหลานชายใกล้เปิดเทอมแล้ว เมื่อไปถึงวัดหลานชายของตนก็มาบอกกับตนว่าได้ถูกพระพี่เลี้ยงทำอนาจาร และมีเพื่อสามเณรที่บวชด้วยกันอีก 2 คนก็ถูกทำอนาจารเช่นกัน เมื่อตนทราบเรื่องจึงแจ้งเรื่องกับหลวงตาเจ้าอาวาส และโทรศัพท์ไปเล่าให้ลูกสาวฟัง โดยลูกสาวให้ตนไปแจ้งความ หลังจากตนไปแจ้งความ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เดินทางมาด้วย และได้มีการเรียกพระทอ (นามสมมุติ) มาพูดคุยสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว โดยทีแรกพระทอ (นามสมมุติ) สอบถามว่าตนทำอะไรผิด ท่านทำอะไรก็คงจะรู้ตัวเองอยู่ แล้วที่ทำอวัยวะเพศหลานของตนจนเขียวใช่ไหม พระทอ (นามสมมุติ) บอกว่าเพียงแต่ใช้มือบิดเล่นจับเพื่อทำโทษเท่านั้น ไม่ได้หรือ?
โดยสามเณรอีก 2 รูป เล่าเรื่องที่ถูกพระทอเรียกเข้าไปนอนและทำอนาจารให้ตำรวจฟังหมดแล้ว จากนั้นพระทอจึงยอมรับและบอกว่าตนอย่าเพิ่งโมโห อย่าเอาเรื่อง ซึ่งตนบอกว่าต้องสึกอย่างเดียว และได้ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะจับหรือจะให้พระทอสึก ทางเจ้าคณะตำบลได้บอกว่าต้องให้ทำการสึก ถ้าไม่สึกวัดของเจ้าอาวาสก็จะเสื่อมเสีย ซึ่งพระทอได้ขอว่าวันจันท์ที่ 31 พ.ค.นี้ จะเก็บของแล้วจะเดินทางไปสึกที่วัดใน จ.บุรีรัมย์ แต่ตนเห็นว่าไม่ควรจะปล่อยเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อจึงจะให้ทำการสึกโดยเร็ว แต่พระทอก็ไม่ยอมสึกแล้วบอกตนว่าถึงจะสึกวันนี้พรุ่งนี้ก็บวชใหม่ได้
โดยช่วงเช้าวันนี้ พระทอได้เก็บสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวหนีออกจากวัดไปตั้งแต่ช่วงเช้ามืดแล้ว แต่ทางเจ้าอาวาสได้ยึดใบสุทธิเอาไว้ และมอบให้ตำรวจ ตนจึงไม่สบายใจกลัวว่าพระทอ จะไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนอื่นอีก จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการต่อไป
ด.ช.ที (นามสมุติ) เล่าว่า วัดแห่งนี้มีพระภิกษุสงฆ์ 7 รูป และ สามเณร 3 องค์ ตนเคยมาบวชเป็นสามเณรภาคฤดูร้อนครั้งแรกเมื่อปี 63 ที่ผ่านมา หลังจากที่โรงเรียนปิดภาคเรียนตนได้ไปบวชเณรที่วัดแห่งนี้อีกเป็นปีที่ 2 หลวงตาเจ้าอาวาส ซึ่งเห็นว่าตนและเพื่อนสามเณรรุ่นเดียวกันทั้ง 3 รูป จึงให้ไปนอนที่กุฏิของพระทอ พระพี่เลี้ยง ซึ่งจะเป็นพระที่สอนหนังสือสามเณร ซึ่งพระทอจะเรียกตนไปนอนด้วย และจับอวัยวะเพศของตน และจับมือตนไปจับที่อวัยวะเพศของพระทอ ซึ่งเพื่อนสามเณรก็จะถูกเรียกไปนอนด้วยสลับกันทุกคืน แต่ทุกคนก็ไม่กล้านำเรื่องนี้บอกหลวงตาเจ้าอาวาส เพราะกลัวถูกต่อว่า ซึ่งก่อนหน้านี้อวัยยะเพศของตนมีอาการเจ็บจนเป็นไข้ หลวงตาได้พาไปหาหมอ แต่ตนก็ไม่ได้บอกอาการที่ตนเจ็บอวัยยวะเพศกับหมอ เพราะอาย มีเพียงบอกว่าเป็นไข้เท่านั้น เมื่อกลับมาที่วัดตนก็มาพักกับหลวงตา เช็ดตัวกินยาแก้ไข้อยู่ไม่กี่วันก็หาย เมื่อยายไปที่วัดตนจึงเล่าเรื่องดังกล่าวให้ยายฟัง และตนก็สึกออกมาเมื่อวานนี้ ส่วนสามเณรอีก 2 องค์ ก็ได้สึกในวันนี้
ในส่วนคดีทางพนักงานสอบสวน สภ.กุดจั บจะได้นัดสหวิชาชีพและผู้ที่เกี่ยวข้องและเด็กชายที่ถูกกระทำอนาจารสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนพระทอที่หลบหนีออกจากวัดไปแล้วนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบว่าเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาใน จ.บุรีรัมย์ จริงหรือไม่ แล้วจะติดตามตัวมาสอบปากคำเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป