ไหนว่ารักษาฟรี? สาวโพสต์ถาม โดนโรงพยาบาลเรียกเก็บ 7 แสน หลังพาที่พ่อป่วยโควิด19 เข้ารักษา ก่อนเสียชีวิตในภายหลัง
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่าน มีผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเกี่ยวกับ การเข้ารับการรักษาโควิด19 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากที่เธอวิ่งเต้นหาโรงพยาบาลเพราะพ่อป่วยหนัก แต่ไปโรงพยาบาลไหนก็เตียงเต็ม จนเจอโรงพยาบาลนี้ แต่โรงพยาบาลขอเก็บค่ามัดจำก่อน 1 แสนบาท เธอยอมจ่ายเพราะกลัวพ่อเสียชีวิต หนสุดท้ายทางโรงพยาบาลเรียกเก็บเงินเธอรวม ๆ แล้วกว่า 7 แสน บาท
โดยเจ้าของเฟซบุ๊คได้โพสต์ข้อความว่า ที่ประกาศกันว่า รักษาฟรี สิทธิ Ucep มันไม่มีจริง ใช่มั้ย? โดนรพ.เรียกเงินทั้งหมด 7 แสนกว่า…คุณภาพชีวิตของเราทำไมเป็นแบบนี้ได้พ่อมีอาการเหนื่อยเพลีย มาเป็นอาทิตย์ พยายามติดต่อขอตรวจโควิด ที่ไหนไม่ได้เลย ไม่มีรพ. ไหนรับตรวจ
จนรอคิวตรวจพบเชื้อโควิดที่ รพ. แรกได้ในวันที่ 23 เมษาแต่ เตียงเต็ม และวันที่ 24 เมษา พ่อมีอาการหายใจไม่ออก อ่อนเพลีย จึงขอแอดมิตที่รพ. แรกอีกครั้งแต่ก็ได้รับแจ้งว่าเตียงเต็มเช่นเดิม ทางเราต้องรีบวิ่งหา รพ. เพื่อขอเข้ารับการรักษาโดยเร่งด่วนสุดท้ายได้ขอแอดมิดที่รพ. ที่ 2 แต่ถูกปฎิเสธในตอนแรกว่าเตียงเต็มและให้ติดต่อ รพ. ที่ผู้ป่วยตรวจพบเชื้อ
แต่หลังจากคุยกับ พนักงานรพ. สักพักได้แจ้งว่า มีเตียงแล้ว หากต้องการแอดมิด ต้องวางมัดจำเงินสดไว้ 1 แสนบาท คุณแม่จึงจำเป็นต้องวางเงินเพื่อให้คุณพ่อได้รับการรักษาด่วน แล้วคุณพ่อก็แอดมินในวันที่ 24 เมษา โดยเข้าห้อง icu ทันที (หลังจากนั้นมีการเรียกเก็บ เพิ่มเติม ยอดรวมทั้งหมด ตามใบเสร็จ)
โดยรพ. จะเรียกเก็บผ่านทางคุณแม่ ซึ่งไม่มีข้อมูลด้าน ค่ารักษาโควิด และห่วงกลัวถ้าไม่ชำระเงินตามรพ. เรียกเก็บ คุณพ่อจะไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องการชำระเงินรอบบิลที่เกิดขึ้นวันที่ 7 พค. จำนวน 300,000 บาท ตอนแรกคุณแม่ขอเลื่อนการชำระเงิน เป็นวันจันทร์ ที่ 10 แต่เกิดเหตุ เครื่องอ็อกซิเจนเตียงพ่อบังเอิญมีปัญหาขึ้นมากระทันหัน คืนวันที่ 6
คุณแม่จึงวิตกกังวลว่าสาเหตุบังเอิญ หรือเพราะขอเลื่อนการชำระเงินหรือไม่ (เป็นความคิดมากวิตกกังวลของคุณแม่ ) จึงมีความจำเป็นต้องรีบหาเงินมาชำระก่อนวันนัด (รวมยอดที่ชำระแล้ว 5 แสนบาท)ต่อมาช่วงตี 3 ของเช้าวันที่ 9 ทางพยาบาลแจ้งว่า คุณพ่อกำลังหยุดหายใจ แล้วคุณพ่อก็เสียคืนนั้น
จากนั้นในวันที่ 9 ทาง รพ.พยายามเรียกเก็บเงินเพิ่ม อีก 190,000 บาท ทำนองว่าถ้าไม่ชำระก็จะไม่ออกใบมรณะบัตร และ ไม่สามารถนำศพออกไปทำพิธีได้ คุณแม่จึงได้สอบถามญาติและทราบว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่จำเป็นต้องจ่ายตั้งแต่ต้น
ทางเราจึงโทรปรึกษา 1330 ให้ช่วยประสานงานไกล่เกลี่ย แล้วให้แจ้งใช้สิทธิ ucep จึงสามารถ ออกใบมรณะให้ ตอนนี้ทาง 1330 ช่วยไกล่เกลี่ยให้ทางรพ. คืนเงินที่เรียกเก็บจากคุณแม่ให้ด้วย แต่ทางรพ. ปฎิเสธ โดยให้เหตุผลว่าทางเราปฎิเสธการรักษาจากรพ. แรกเอง ซึ่งไม่เป็นความจริง
ทางเราจึงติดต่อขอให้เจ้าหน้าที่ รพ. ที่ 1 ให้ติดต่อเข้าไปยืนยันว่าทางเราได้ ติดต่อขอเตียงไปแล้ว แต่เตียงที่รพ.ที่1เต็มจริงๆสรุปคือเงินที่ต้องชำระไปทั้งหมด(จำนวน 500,000 บาท) คุณแม่มีความจำเป็นต้องจ่ายอย่างขัดขืนไม่ได้เนื่องจากคนไข้อยู่ภาวะวิกฤติ กลัวว่าจะไม่ได้แอดมิด ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง รวมทั้งเหตุการณ์ เครื่องอ็อกซิเจนที่มีปัญหา จึงกดดันให้แม่ต้องรีบหาเงินมาชำระให้ได้โดยเร็ว
ทั้งหมดนี้อยากรู้จริงๆว่า ถ้าเราตรวจที่ไหน รพ.แรก ไม่มีเตียงเราจำเป็นต้องรอ ความตายอยู่ที่บ้านกันใช่มั้ย การจะขอรับการตรวจ ทำไมช่างยากเย็น ทั้งที่ไม่ได้ขอตรวจฟรี การจะแอดมิดรับการรักษาทำไมถึงยากเย็นขนาดนี้
นี่คือสิ่งที่ประชาชนคนไทยอย่างเราต้องยอมรับสภาพใช่มั้ย วินาทีนั้นที่คุณพ่อต้องเข้ารับการรักษา ต่อให้รพ. เรียก 1 ล้าน เพื่อให้ได้เตียง เราก็ต้องหามาจ่ายก่อนกันจริงมั้ย ?? แล้วนึกถึงคนที่ไม่มีเงินจะวางมัดจำล่ะ เค้าต้องกลับบ้านนอนรอการเริ่มรับรักษา ? จนจะสายไปมั้ย?
ตอนนี้ไม่มีคุณพ่อแล้ว ไม่อยากให้คุณแม่ต้องเสียเงินจำนวนนี้ไป ทั้งที่ไม่ควรจะต้องเสียขนาดนี้ ทั้งที่ ควรจะได้รับสิทธิ์ ที่พึงจะได้รับ อยากให้ได้คืนกลับมาใช้ในยามจำเป็นตอนนี้ ต้องทำยังไงดี?
อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านมากว่า 6 วัน ทางหญิงสาวก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าจากทางรัฐบาล หรือทางโรงพยาบาล เกี่ยวกับเรื่องค่ารักษาเลย