เติร์กเมนิสถาน ประเทศหนึ่งในทวีปเอเชียกลาง ถูกปกครองด้วยระบอบพรรคการเมืองเดียว มาตั้งแต่แยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1991 จนได้ฉายาว่า “เกาหลีเหนือแห่งเอเชียกลาง” โดยดินแดนแห่งนี้ถูกก่อตั้งโดย ซาปาร์มูรัต นิยาซอฟ เมื่อปี 1990 ก่อนปกครองประเทศจนเขาเสียชีวิตในปี 2006 และได้มอบอำนาจให้เพื่อนสนิทเขาที่เป็นหมอฟันส่วนตัวคือ เกอร์บันกูลี เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟ ขึ้นมาเป็นผู้นำตั้งแต่ปี 2007 ถึงปัจจุบัน

แม้ว่า เกอร์บันกูลี จะปกครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จมาเป็นเวลา 14 ปีแล้วก็ตาม แต่เขาก็ได้เปลี่ยนรัฐธรรมนูญใหม่เมื่อปี 2016 โดยตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดีตลอดชีพจนกว่าจะเสียชีวิต ทำให้ประเทศที่มีทรัพยากรน้ำมันมหาศาลและแหล่งเพาะพันธุ์ม้าหายากของโลกกลายเป็นต้องโดดเดี่ยวต่อไป

เติร์กเมนิสถาน เป็นประเทศที่ไม่ต่างจากเกาหลีเหนือ ประชากรในประเทศนี้ไม่มีสิทธิ์ถือพาสปอร์ตเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ สถานีวิทยุและโทรทัศน์มีเพียงแค่ของรัฐบาลเพียงช่องทางเดียวโดยส่วนมากจะเผยแพร่แต่ข่าวของรัฐบาล อีกทั้งความบันเทิงในประเทศนี้ยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีเพียงแค่เพลงที่ขับร้องจากท่านประธานาธิบดีเท่านั้นที่ถูกกฎหมายและประชาชนสามารถซื้ออัลบั้มเพลงของท่านผู้นำได้

ฟังดูอาจจะปวดหัว แต่เมื่อถึงมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่างโอลิมปิก ก็ไม่ทำให้ประเทศนี้ต้องอยู่เฉย เพราะพวกเขาได้นักกีฬาที่คว้าเหรียญโอลิมปิกคนแรกในประวัติศาสตร์ให้กับประเทศได้เสียทีในกีฬายกน้ำหนักหญิงรุ่น 59 กิโลกรัมจาก โพลีนา เกอร์เยวา สาววัย 21 ปีที่คว้าเหรียญเงินโอลิมปิก 2020 มาครองได้ นับตั้งแต่เติร์กเมนิสถาน เข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรกเมื่อปี 1996

ทันทีที่เธอเดินทางกลับถึงประเทศเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมาก็ได้การต้อนรับจากประชนในประเทศอย่างอบอุ่นในฐานะนักกีฬาคนแรกที่คว้าเหรียญโอลิมปิกให้กับประเทศ ดังนั้น การสร้างชื่อเสียงให้กับชาติของเธอทำให้รัฐบาลต้องจัดรางวัลชิ้นใหญ่ให้อย่างไม่ต้องสงสัย

โดยรางวัลที่ เกอร์เยวา ได้รับมอบจาก เซอร์ดาร์ เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟ ลูกชายของประธานาธิบดี เกอร์บันกูลี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติมอบกล่องเคลือบสีขาวให้ เกอร์เยวา สามกล่อง ประกอบไปด้วย กุญแจอพาร์ตเมนต์สุดหรูแบบสามห้องในกรุงอาชกาบัต, กุญแจรถ Lexus SUV สีไข่มุก 1 คัน และเงินสดจำนวน 50,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.64 ล้านบาท

“ผมขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจกับ เกอร์เยวา ในเหตุการณ์สำคัญนี้ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ถึงการเติบโตของอำนาจอิสระเติร์กเมนิสถานในเวทีกีฬาระดับนานาชาติ” เซอร์ดาร์ กล่าวในงานต้อนรับนักกีฬาโอลิมปิกกลับประเทศ

ด้าน เกอร์เยวา ก็ได้เผยความรู้สึกเช่นกันว่า “ฉันขออุทิศเหรียญนี้ให้กับท่านประธานาธิบดีของเราและชาวเติร์กเมน เพื่อเป็นเกียรติแก่วันครบรอบ 30 ปีแห่งอิสรภาพของชาติ”