“ช้างศึก” ทีมชาติไทย เอาชนะ เมียนมา 4-0 ในการลงเล่นนัดที่สอง ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ขณะที่ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ยิง 2 ประตูในเกมดังกล่าว กลายเป็น ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ ทัวร์นาเมนต์นี้ เท่ากับ นอห์ อลัมชาห์ ที่ 17 ประตู
หลังการแข่งขัน มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย เผยว่า “เรามีความสุขกับฟอร์มการเล่นของทีมเป็นอย่างมาก ผมคิดว่า เรายกระดับการเล่นของเราจากเกมแรกได้มากพอสมควร เรามีแนวทางชัดเจน ในการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเกมรุก ที่สร้างโอกาสได้ชัดเจน มากกว่าเกมก่อน และเรามีความสุขมากที่ได้ชัยชนะ และยิงได้ถึงสี่ประตู และมุ้ยก็ได้กลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของรายการนี้ หลังยิงไปสองประตู ผมมีความสุขมาก เช่นเดียวกับเกมนี้ แต่งานของเรายังไม่จบ เส้นทางยังอีกยาวไกล และสองเกมต่อไปของพวกเราก็ถือเป็นเกมที่ยากมาก เราต้องมีสมาธิ และยกระดับให้ได้ต่อเนื่อง”
“ตอนที่ผมมาทำงานที่ไทยครั้งแรก ผมได้เห็นสุดยอดนักเตะคนหนึ่ง และเขาก็ก้าวไปติดทีมชาติได้อย่างรวดเร็ว พูดได้เลยว่า ธีรศิลป์ คือนักเตะที่เก่งที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยร่วมงานรวมถึง เคยได้เห็นมา เขามีคุณภาพที่ชัดเจน มีประสบการณ์ แม้ตอนนี้จะไม่ใช่ดาวรุ่งแล้วก็ตาม แต่คุณภาพ วันนี้เขาก็แสดงให้เห็น โดยเฉพาะการเป็นกองหน้า เขาคือนักเตะที่ดี มีเทคนิคที่ดี และสามารถยิงประตูได้สุดยอดมาก ผมเชื่อว่าเขามีทุกอย่างที่กองหน้าคนหนึ่งต้องมี โดยเฉพาะการจบสกอร์ที่เฉียบคม”
“การเล่นของเมียนมา เราเองก็ได้เห็นมาก่อนหน้านี้ ว่าพวกเขามีความดุดันมาก และก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่ไทยได้เจอกับเมียนมา เราจะได้เห็นการปะทะที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างเกมนี้ก็มีหลายครั้งที่ดูเหมือนไม่ใช่การปะทะเพือเอาบอลเลย แต่ผมคิดว่าผมโอเค ที่เราสามารถคุมสมาธิ และเกมได้อยู่ เห็นได้ชัดว่าทุกจังหวะ 50/50 พวกเขาเต็มที่เสมอ แม้จะไม่ได้บอล แต่นี่คือส่วนหนึ่งของฟุตบอล เรารู้ว่าพวกเขามีความดุดัน นี่คือสิ่งหนึ่งที่เราได้เตรียมมาในการซ้อม มันสำคัญที่เราจะต้องพยายามครองบอล พยายามเคลื่อนบอล เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่ในเกมนี้ หลายจังหวะเราทำได้ดี เรามีความสุข”
“เกมต่อไปกับฟิลิปปินส์ เราเองก็กังวลกับคุณภาพของพวกเขาเช่นกัน เพราะนักเตะของพวกเขาหลายคนมีประสบการณ์เยอะมาก นักเตะหลายคนมีคุณภาพ และประสบการณ์ และมันเป็นเกมที่ยากแน่นอน และเรารู้จักพวกเขา และเป็นข้อได้เปรียบเล็กน้อย หลายคนของฟิลิปปินส์ ก็เล่นในสโมสรเดียวกับนักเตะของไทย แต่เราต้องพยายามวิเคราะห์เกม เราต้องอย่ามองแต่ผลการแข่งขัน เราต้องดูฟอร์มการเล่น ผมรู้ว่าพวกเขาทำได้ดี แต่เกมล่าสุดเห็นได้ชัดว่าติมอร์ เลสเต เปลี่ยนนักเตะหลายคนจากเกมที่เจอกับไทย พวกเขาเป็นทีมดาวรุ่ง จริงอยู่ว่าสกอร์ออกมาเป็น 7-0 เราชนะ 2-0 มันอาจจะทำให้พวกเขามั่นใจ แต่เราต้องการเดินหน้าต่อไป เราต้องมองไปข้างหน้า และต้องมีสมาธิและเอาชนะให้ได้ในเกมต่อไป”
“เรื่องลูกจุดโทษ ผมไม่อยากพูดถึงมัน ไม่อยากคอมเมนต์ มันชัดเจนว่าเราโดนเตะมันชัด แต่เราไม่ได้ชนะเมียนมาเพราะลูกโทษลูกเดียว ตลอดทั้งเกมเราแสดงให้เห็นว่าเราเป็นทีมที่ดีกว่า อย่างชัดเจนและเหมาะสมที่จะเป็นผู้ชนะ”
ด้าน ธีรศิลป์ แดงดา กล่าวว่า “ผมก็ดีใจที่ตัวผมสามารถทำประตูได้ และเป็นการยิงในทัวร์นาเมนต์นี้ได้อีกครั้ง และที่ดีใจมากกว่านั้นคือทีมของเราได้ชัยชนะมาครอง มีหลายอย่างดีๆเกิดขึ้น ทั้งการเล่นร่วมกัน การทำงานเป็นทีม ดีใจกับทีมมากกว่า ที่เรากลับมาสู่ฟอร์มการเล่นที่ดี”
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เล่นรายการนี้ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลร่วมกับ นอห์ อลัม ชาห์ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ดีใจที่ตัวผมทำเต็มที่มาตลอด และถือเป็นผลงานที่ดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือผลงานของทีม เพราะสถิติจะไม่มีความหมายเลย ถ้าหากเราไม่ชนะในเกมนี้ และเกมต่อไป เราไปไม่ถึงปลายทาง ผลงานของทีมสำคัญที่สุดสำหรับผม”
โปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทยจะต้องพบกับ ฟิลิปปินส์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ในศึกชิงเจ้าอาเซียนนัดที่ 3 ในวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เวลา 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย