สหรัฐอเมริกาซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน มีอัตราการตื่นตัวของประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนแต่ละวันสูงถึง 3 ล้านคน ทว่า ขณะนี้อัตราการตื่นตัวของชาวอเมริกันที่แสดงจำนงเข้ารับการฉีดวัคซีนต่อลดลงเหลือต่ำกว่าหลักล้าน ในระดับราว 8-9 แสนรายต่อวัน ส่งผลให้ทางการต้องงัดสารพัดวิธีการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนมากที่สุด
รัฐบาลมลรัฐโอไฮโอ เป็นหนึ่งในหน่วยงานท้องถิ่นที่พยายามสร้างแรงจูงใจดังกล่าว โดยไมก์ ดีไวน์ (Mike DeWine) ผู้ว่าการรัฐฯ สังกัดรีพับลิกกัน กล่าวตอนหนึ่งในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า รัฐของเขาจัดการออกลอตเตอรี่รางวัลละ 1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 31 ล้านบาท สำหรับพลเมืองที่มีถิ่นพำนักในรัฐโอไฮโอที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป แล้วเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิดอย่างน้อยเข็มแรก
ดีไวน์ ให้เหตุผลว่า แม้บางคนอาจมองว่าเขาบ้าไปแล้วที่ออกลอตเตอรี่วัคซีนรางวัลละ 1 ล้าน เพราะดูสิ้นเปลืองโดยเงินที่นำมาแจกนี้มาจากกองทุนของรัฐบาลกลางช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ทว่าส่วนตัวเขามองว่าเป็นความจำเป็นอย่างแท้จริงในช่วงการระบาด เนื่องจากแม้รัฐจะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคน แต่ยังมีจำนวนผู้แสดงจำนงเข้ารับน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ผู้ว่าการโอไฮโอเผยว่า จะประกาศรายชื่อผู้คว้ารางวัลลอตเตอรี่วัคซีนงวดแรกในวันพุธที่ 26 พฤษภาคม หลังจากนั้นจะจับรางวัลลอตเตอรี่นี้ในวันพุธของทุกสัปดาห์ จนครบ 5 รางวัล รวมเงินรางวัล 5 ล้านดอลลาร์
นอกจากโอไฮโอแล้ว รัฐอื่นอย่างแมรีแลนด์ ก็สร้างแรงจูงใจประชาชนด้วนการแจกเงิน 100 ดอลลาร์ต่อผู้ที่มาเข้ารับวัคซีนกลุ่มแรกๆ เช่นเดียวกันเวสต์เวอร์จิเนียที่มอบ 100 ดอลลาร์ให้กับผู้ที่เข้ารับวัคซีนที่มีอายุระหว่าง 16-35 ปี ไม่ต่างกับบางเมืองที่ออกนโยบายจูงใจหลากรูปแบบเช่น แจกเบียร์ แจกโดนัท หรือแม้แต่ตั๋วเข้าชมการแข่งขันกีฬา
ส่วนรัฐฟลอริดา แม้ไม่ได้ออกมาตรการจูงใจเหมือนรัฐโอไฮโอ แต่ได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เดินทางไปตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ที่ประชาชนมักออกมาทำกิจกรรม พร้อมรณรงค์และแจกจ่ายวัคซีนถึงที่ โดยไม่ต้องลงทะเบียนขั้นตอนใดๆ ให้ยุ่งยาก เพื่อปูพรมให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนให้ได้มากที่สุด