พิธา ลุยแจกเรียงเบอร์ผู้สมัคร 400 เขต เปิดป้ายหาเสียงแบบAR ย้ำชัด จุดยืน ม.112 แก้ไม่ใช่ยกเลิก ตั้งเป้ากวาด160ที่นั่งได้แน่ หลังกระแสพุ่งทั่วประเทศ
วันที่ 4 พ.ค. 66 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมแจกหนังสือพิมพ์แนะนำผู้สมัคร ส.ส.แบบเขต พรรคก้าวไกล 400 เขตควบคู่ รวมทั้งเปิดป้ายหาเสียงแบบ AR เทคโนโลยีให้เข้าถึงประชาชน กลุ่มคนรุ่นใหม่ในเขตเมืองให้มากขึ้น โดยมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม. 5 เขต ประกอบด้วย น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ เขต 2 ,นายเฉลิมชัย กุลาเลิศ เขต 5 , นายกัณตภณ ดวงอัมพร เขต 6 , นางสาวภัสริน รามวงศ์ เขต 7 และ นายชยพล สท้อนดี เขต 8 บรรยากาศคึกคักมีกลุ่มคนรุ่นใหม่มานั่งรอจำนวนมา ซึ่งทันทีที่ นายพิธา มาถึงได้เข้าไปถ่ายรูป พร้อมระบุจะสนับสนุนพรรคก้าวไกล
นายพิธา ได้สาธิตป้ายหาเสียงแบบ AR เทคโนโลยีว่าหลังจากเอาโทรศัพท์มือถือไปสแกนก็จะมีตัวเองโผล่ขึ้นมาทุกที่ ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่กลางทุ่งนา บนรถเมล์ รถไฟฟ้า ก็จะเจอกับตนและพรรคก้าวไกล
จากนั้น นายพิธา ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ที่ทำเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาเพราะต้องการลดความสับสนของประชาชน หลังจากกฎกติกาของ กกต. มีเงื่อนไขหลายอย่าง ซึ่งข้อจำกัดนั้นส่งผลกระทบต่อพรรคก้าวไกล จึงใช้วิธีนี้เพื่อให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น พร้อมหวังวันที่ 14 พฤษภาคม ประชาชนจะไม่ลงคะแนนเสียงผิดพรรคผิดเบอร์
ส่วนผลสำรวจความนิยมที่พรรคก้าวไกลตีอันดับดีขึ้นมาเรื่อย ๆ นั้น นายพิธา ยังคาดหวังจะได้ ส.ส. 160 ที่นั่ง และเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ขณะเดียวกันช่วงโค้งสุดท้ายพรรคก้าวไกล จะเดินหน้าหาเสียงอย่างหนัก ไปสู่เป้าหมายยิ่งใหญ่ โดยไม่กังวลว่าจะมีอุปสรรคมาขวางระหว่างทางก่อนถึงวันเลือกตั้ง อีกทั้งที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็ผ่านอะไรมาเยอะ
นายพิธา ยืนยันว่า กระแสพรรคก้าวไกลทั้งในโซเชียลมีเดีย และเวทีปราศรัยต่าง ๆ ที่คนแห่มาให้กำลังใจล้นหลามคือคะแนนธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการระดมหรือจัดตั้ง หรือเป็นไอโอเหมือนที่บางพรรคการเมืองกล่าวหา
ทั้งนี้ นายพิธา ยังชี้แจงจุดยืนของพรรคเรื่องมาตรา 112 บนเวทีปราศรัยที่จังหวัดชลบุรี ที่มีการติดสติกเกอร์ในช่องยกเลิกนั้น และถูกฝั่งการเมืองตรงข้ามนำมาโจมตี ว่าขอให้ดูบริบทและการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลก่อนหน้านี้ ที่ชี้แจงมาโดยตลอด พรรคก้าวไกลเห็นด้วยให้มีการแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก “อยากให้ดูภาพเหตุการณ์แบบเต็ม ไม่ใช่บางส่วน” ก่อนย้ำว่าการแสดงเชิงสัญลักษณ์ของตน ไม่ได้ต้องการเอาใจนักกิจกรรม แต่ต้องการแสดงความเข้าใจการเรียกร้องของพวกเขาเท่านั้น
