วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เดินทางไปร่วมรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ เพื่อร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น หลัง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีหุ้นสื่อ ITV ที่นายพิธา ถืออยู่จำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าว ตนยอมรับว่าได้มีการวางแผนคาดการเอาไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น เพียงแต่ช่วงนี้มีความกระชั้นชิดจึงทำให้ต้องระมัดระวังมากขึ้น แต่เรื่องคดีหุ้นสื่อ ตนเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใด กกต. จึงเร่งรัดขนาดนี้ ส่วนตัวมองว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปชี้แจง แม้แต่ส่งเอกสารไปถึงศาล กกต. ก็ยังไม่มีการส่งเอกสารแจ้งให้ตนเองทราบ ฝากถึงประชาชน ไม่ต้องเป็นห่วงตน เป็นห่วงประเทศดีกว่าว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน
ส่วนพรุ่งนี้ 13 กรกฎาคม 2566 จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศ เรื่องที่ ส.ว. อาจไม่ยกมือให้เพราะติดเรื่องการแก้ มาตรา 112 ตนมองว่า ข้อถกเถียงไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะหลักมีถึง 3 เรื่องคือ
1. มาตรา 112 ตนเพียงต้องการแก้ใขให้สถาบันพระมหากษัตริย์ มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น และเพื่อให้สถาบันไม่ต้องลงมาเสียหายกับเรื่องการเมืองอีกต่อไป
2. การแบ่งแยกดินแดน ตนเองเคยย้ำไปแล้วว่า ประเทศไทยต้องเป็นผืนแผ่นเดียวกันไม่เคยคิดแยก
3. การต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยรู้เท่าทันโลกในการรู้จุดยื่นของตนเอง หรือรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร
- พรรคก้าวไกล ออกแถลงสวน กกต. หลังมีมติยื่นศาล รธน. ฟัน “พิธา”
- ส.ส.ก้าวไกล แถลงจุดยืน หลัง กกต. ชี้ พิธา พ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญ
- เลขาฯก้าวไกล ถาม! กกต. รีบผิดปกติ จงใจขวางการโหวตนายกหรือไม่
ส่วนในเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวว่าจะให้โหวตเพียงครั้งเดียว ตนมองว่าแล้วแต่การพิจารณา แต่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีบทบัญญัติกำหนดให้โหวตได้เพียงครั้งเดียว แต่ยอมรับว่า หากตนเองไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เป็นเรื่องที่ตนไม่ได้คาดการเอาไว้ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการทางการเมืองไปในทิศทางไหนต่อดี แต่พรรคก้าวไกลไม่ได้ตั้งมาเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น แม้เป็นฝ่ายค้านก็ยังทำงานให้ประชาชนได้อย่างที่ คุณวิโรจน์ ทำเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนนั่นก็คือประโยชน์
สุดท้าย ตนมองว่าประเทศไทยยังมีทางเลือกอยู่ วันพรุ่งนี้ (13 ก.ค. 66) ก็เป็นวันสำคัญที่มีการเดิมพันไม่แพ้กับวันที่ (14 พ.ค. 66) ที่ผ่านมา หากมองไปที่ตาของประชาชน รับฟังเสียงของประชาชนนมาก ๆ ว่าเค้าต้องการความหวังจากนักการเมืองมากขนาดไหน ถึงแม้เราจะมีที่มาต่างกัน หรือคนละพรรค ผมเชื่อว่าถ้ามองไปที่ตาประชาชนที่ใช้สิทธิใช้เสียงกว่า 80 % ผมว่าเค้าอย่างอยู่ด้วยความหวัง ไม่ใช่ความกลัวที่เป็นอยู่
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY