พิธา ขยี้ซ้ำ ขายที่ดินต่างชาติ หวั่นเป็นที่ฟอกเงิน-เก็งกำไร รมต.โต้ ยันคุมกติกาเข้ม

Home » พิธา ขยี้ซ้ำ ขายที่ดินต่างชาติ หวั่นเป็นที่ฟอกเงิน-เก็งกำไร รมต.โต้ ยันคุมกติกาเข้ม


พิธา ขยี้ซ้ำ ขายที่ดินต่างชาติ หวั่นเป็นที่ฟอกเงิน-เก็งกำไร รมต.โต้ ยันคุมกติกาเข้ม

พิธา ขยี้ปมขายที่ดินต่างชาติ หวั่นกลายเป็นที่ฟอกเงิน-เก็งกำไร สร้างบ้านให้คนไทยเช่า สุพัฒนพงษ์โวแผนดูดต่างชาติอยู่ยาว สร้างรายได้ 1 ล้านล้าน ยันคุมกติกาเข้ม

เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 3 พ.ย.2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ถามกระทู้สดด้วยวาจา ถามนายกฯ เรื่องกฎกระทรวงการได้มาซื่งที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยของคนต่าวด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดคนต่างด้าาวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทยว่า ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นนโยบายที่ผิดทิศผิดทาง ขณะที่ยังมีประชาชนจำนวนมากไม่มีที่ดินทำกินในไทย เรากลับอนุญาตให้ต่างชาติมาใช้ที่ดินในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำที่ดินสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ดังนั้น ตนขอถามเกี่ยวกับเป้าหมายของนโยบายและการแก้กฎกระทรวงนี้คืออะไร เพราะเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลแจ้งว่าเป้าหมายคือการดึงดูดชาวต่างชาติจนถึงปี 2569 จำนวน 1 ล้านคน กระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท และสร้างรายได้จากการเก็บภาษีทั้งหมด 2.7 แสนล้านบาท ต่อมา 28 ต.ค. เปิดตัวเลขตั้งแต่ 2545

ถึงตอนนี้มีชาวต่างชาติมาใช้สิทธินี้ 8 คน จากเป้าหมาย 1 ล้านคน และดูไม่อออกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของนโยบายนี้คืออะไรกันแน่ในเรื่องของจำนวน ปริมาณและการกระตุ้นเศรษฐกิจ และถ้าเป้าหมายยังเหมือนเดิมจะทำอย่างไรให้เพิ่มจาก 8 คนมาเป็น 1 ล้านคน เพราะตนไม่สามารถวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของนโยบายนี้ได้ ถ้าเป้าหมายและความตั้งใจไม่ชัดเจน เพราะ 1 ล้านคน หมายความว่าต้องให้ 1 ล้านไร่ที่ชาวต่างชาติมากินที่คนไทย และ 40 ล้านบาทต่อ 1 ล้านไร่ ก็คือ 40 ล้านล้านบาท

นายพิธา ถามต่อว่า รัฐบาลได้คำนึงถึงกับผลกระทบหรือข้อเสียหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการฟอกเงิน หรือการซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรต่อ ชัดเจนหรือไม่ว่าซื้อกี่ปีถึงจะขายได้ เพราะของคนไทยจะมีภาษีเฉพาะ 3 ปี เป็น 5 ปี ทำให้เก็งกำไรยากขึ้น จึงไม่แน่ใจว่าต่างชาติมีหรือไม่ หรือซื้อที่ดินแล้วสร้างอพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่า แสดว่าต้องการให้ชาวต่างชาติเข้ามาสร้างบ้านในเมืองไทยแล้วให้คนไทยเช่าเขาอยู่ รัฐมีมาตรการเรื่องนี้หรือไม่ รวมทั้งเรื่องมรดก จะทำอย่างไร และถ้าเขาทำผิดเงื่อนไขที่เราตั้งขึ้นมา เรามีมาตรการจะแก้ปัญหาและทบทวนเรื่องนี้อย่างไร

นายพิธา ถามต่อว่า ขอถามถึงความเหลื่อมล้ำเรื่องที่ดิน เพราะ 75 เปอร์เซนต์ของคนในประเทศไทยยังไม่มีที่ดินทำกิน และใน 25 เปอร์เซนต์นั้น 80 เปอร์เซนต์เป็นของที่รวยที่สุด 5 เปอร์เซนต์ และคนไทยจริงๆ ที่เป็นคนที่มีรายได้น้อยมีที่ดินทำกินแค่ 20 เปอร์เซนต์ ท่านจะเรียงลำดับควาามสำคัญในการกระจายที่ดินอย่างไร และตนไม่เชื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้

ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน ชี้แจงว่า ตนได้ฟังการอภิปรายอยู่หลายครั้ง ท่านบอกว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและมีอุตสาหกรรมใหม่ๆ รัฐบาลจึงพัฒนาและดึงดูดการลงทุน เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เพิ่มเติมให้มาลงทุน และอาศัยในประเทศ ซึ่งต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข และกฎหมายของประเทศไทย ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก 40 ล้านคน คิดเป็นรายได้มูลค่า 2 ล้านล้านบาท

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการตั้งเป้าวีซ่าการพำนักระยะยาว (Long-term resident visa : LTR Visa) จำนวน 1 ล้านคน หากใช้จ่ายคนละเดือนละ 1 แสนบาท จะทำให้มีรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของ 40 ล้านคนที่มาท่องเที่ยว

ส่วนเรื่องที่ดิน เป็นส่วนเสริมให้คนที่รักและอยากมาอยู่จริงๆ เท่านั้น เพราะเขาสามารถเช่าระยะยาว เช่าคอนโด หรืออยู่โรงแรม ไม่จำกัดอยู่การซื้อที่ดิน การแก้ไขกฎกระทรวง ไม่ได้เพิ่มอะไรมากเลย การจะได้วีซ่าระยะยาว ต้องใช้เวลา และการซื้อที่ดินต้องใช้อยู่อาศัยเท่านั้น หากทำการใดที่ขัดธรรมเนียมประเพณี หรือไม่ปฏิบัติตามกติกา ก็จะถูกยกเลิกได้ตลอดเวลา

เรื่องเป้าหมายของวีซ่าการอยู่ระยะยาว ต้องทำตามกติกาที่กำหนด สิ่งที่ท่านห่วง ประเทศไทยตึงเรื่องการครอบครองที่ดินมากกว่าอังกฤษ และยืนยันว่าไม่สามารถนำที่ดินไปทำแฟลต์ หรือที่อยู่อาศัย เราสามารถเพิกถอนสิทธิได้ง่าย ส่วนเรื่องการฟอกเงิน เราก็มีการคัดคุณสมบัติ และติดตามอย่างรอบคอบ ประเทศอื่นๆ เสรีกว่าเราเยอะ ไปเทียบบรรทัดต่อบรรทัดกันได้เลย เขาเสรีกันมาก เราจึงยังเข้มงวดในบางเรื่องอยู่

ในช่วงท้ายนายพิธา กล่าวว่า ตนมีโอกาสพูดคุยกับผู้ว่าเมืองโซล ประเทศเกาหลีใต้ ถึงความนิยมของคนที่จะเข้ามาอยู่อาศัยในเมือง ทำไมดีไซเนอร์เก่งๆ จากสแกนดิเนเวียร์อยากมาเกาหลีใต้ คนที่ทำซอฟต์แวร์เก่งๆ อยากจะมาอยู่ที่กรุงโซล คนที่ถ่ายหนังเก่งๆ ทำให้เกิดซอฟต์พาวเวอร์ เก่งๆ ก็อยากจะมาอยู่มากรุงโซล เพราะอะไร ซึ่งได้รับคำตอบว่านโยบายของเขาคือการทำเมืองโซลเป็นเมืองที่น่าอยู่ ไม่มีความเหลื่อมล้ำ ทำให้คู่สมรสอยากเดินทางอาศัย นี่ต่างหากคือการลงทุน

ทำให้นายสุพัฒนพงษ์ โต้ว่า ตนอยากให้ไปถามอย่างชัดเจนว่า ต่างชาติสามารถครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในเกาหลีใต้ ได้อย่างไร และไปสอบถามทุกประเทศดูว่า มีเงื่อนไขการซื้อขายที่ดินอย่างไร ส่วนปัญหาความเหลื่อมล้ำและปัญหายาเสพติดนั้นมีทุกประเทศ ขอให้นำข้อเท็จจริงไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ว่าประเทศเราน่าอยู่น่าอาศัย และสถานะทางทางเงินยังอยู่ในระดับที่ดี แต่ไม่น่าเชื่อที่เรายังมีข้อครหา ยกเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาพูด

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวต่อว่า เราตั้งเป้าวีซ่าการพำนักระยะยาว ไว้ 1 ล้านคน ซึ่งเดาใจไม่ได้ว่าจะมาอยู่ในรูปแบบ จะมาซื้อทั้ง 1 ล้านคน ก็จะประเมินมากเกินไป ท่านต้องเชื่อในประเทศไทยว่าเราสามารถดึงดูดการลงทุน และอุตสาหกรรมใหม่ได้ มีคนอีกหลายล้านคนในต่างประเทศที่มองว่าประเทศไทยเป็นเมืองน่าอยู่ น่าอาศัย อย่ามองประเทศไทยในเชิงลบมากเกินไป ทุกประเทศล้วนมีปัญหา ตนรู้สึกว่า เราต้องเชื่อมั่นว่าทุกวันนี้มีกระแสการย้ายฐานการผลิต ซึ่งไทยจะเป็นหนึ่งในฐานการลงทุนใหม่ๆ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ