"พลอยดาวติ๊กต๊อก" สาวสวยโปรไฟล์หรู ถูกสืบนครบาลรวบ อ้างถูกบังคับเป็นเมียน้อยแก๊งคอล

Home » "พลอยดาวติ๊กต๊อก" สาวสวยโปรไฟล์หรู ถูกสืบนครบาลรวบ อ้างถูกบังคับเป็นเมียน้อยแก๊งคอล
"พลอยดาวติ๊กต๊อก" สาวสวยโปรไฟล์หรู ถูกสืบนครบาลรวบ อ้างถูกบังคับเป็นเมียน้อยแก๊งคอล

“รักจริง….ลักขโมย” กับกรณีของ “พลอย” ดาวติ๊กต็อก สาวสวยหน้าตาดี ที่แอบย่องเข้าไปฉกเอาทรัพย์สินในบ้านอดีตแฟนหนุ่มมูลค่ากว่า 330,000 บาท จนเป็นที่ปรากฏภาพจากสื่อมวลชนเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุดผู้การจ๋อรวบตัวได้แล้วที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยเรื่องราวสุดดราม่าระหว่างหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 3 ที่ ซ้ำร้ายยังถูกบอสชาวไทยบีบบังคับให้เป็นเมียน้อย

เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.พลอย อายุ 21 ปี อยู่บ้านภายในซอยสุเหล่าคลองหนึ่ง 13 แขวงคลองสามวา เขตคลองสามวา จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1231/2567 ลงวันที่ 10 กันยายน 2567 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ, ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” จับกุมตัวได้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

พฤติการณ์กล่าวคือ “รักจริง….ลักขโมย” กับกรณีของ “พลอย” ดาวติ๊กต็อก สาวสวยหน้าตาดี ผู้ติดตามกว่า 36 K มีพฤติกรรมลักขโมยทรัพย์สินที่บ้านของชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์กับเธอ จนเป็นที่ปรากฏภาพจากสื่อมวลชนหลายสำนัก เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2567 พนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ได้ออกหมายจับ น.ส.พลอย ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ, ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” จากกระแสสังคมที่มีการประโคมข่าวของเธอทำให้เธอหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอย ล่าสุดวันที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้ส่งชุดสืบนครบาลนำโดยสารวัตรแจ๊ะ ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกันจับกุมตัวได้ที่ อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ในชั้นจับกุม น.ส.พลอย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เธอประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากติดพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) และไม่สามารถยืมเงินของนายต่อแฟนหนุ่มได้ เนื่องจากตอนนั้นนายต่อแฟนของตนอยู่ที่ปอยเปต กำลังเข้าไปเปิดบัญชีม้า และคอยสแกนหน้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพอยู่ ตนจึงตัดสินใจเข้าไปขโมยทรัพย์สินในบ้านของแฟนหนุ่มตามที่เห็นจากภาพกล้องวงจรปิด โดยได้ทรัพย์สินไปประมาณ 60,000 บาท จากนั้นได้หลบหนีโดยติดต่อไปที่ TikTok หนึ่งซึ่งเป็นที่รับสมัครไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีรายละเอียดว่าหากไปทำงานกับเค้าจะได้เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท และยังมีเงินพิเศษรายวันหากทำยอดหลอกลวงแตะตามเป้าหมายที่วางไว้ เริ่มต้น 5% ของเงินที่หลอกได้/รายวัน, 7% ของเงินที่หลอกได้/รายเดือน โดยมีเงินขั้นต่ำ 50,000-100,000 บาท แต่หากทั้งเดือนหลอกได้ไม่ถึง 50,000 บาท จะไม่ได้รับเงินเดือนเลย ตนเห็นรายละเอียดแล้วสนใจจึงตัดสินใจข้ามไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยข้ามประเทศด้วยการใช้เส้นทางธรรมชาติ เมื่อข้ามไปถึงฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้มีคนมารับพาไปและเข้าทำงานที่ชั้น 12 ของอาคาร 25 ชั้น

โดยจะทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์รูปแบบหลอกให้รักแล้วชวนทำภารกิจดันสินค้าซึ่งไม่มีจริง โดยหัวหน้าจะให้สร้างโปรไฟล์ Facebook และไลน์ตีสนิทกับเหยื่อก่อนประมาณ 15 วัน เมื่อเหยื่อหลงรักเราแล้วก็จะค่อยๆ ชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ซึ่งไลน์อวตารอีก 4 ตัว เป็นหน้าม้าและมีการทำสลิปโอนเงินปลอมเพื่อล่อใจเหยื่อให้ทำภารกิจดันสินค้านี้ โดยระหว่างที่อยู่ที่แรกนี้มีเหยื่อที่หลงเชื่อและเริ่มคุยกับตนแล้วประมาณ 10 คน ซึ่งหลังจากตนอยู่ที่ตึก 25 ชั้นนี้ได้เพียง 1 สัปดาห์ คดีของตนก็เกิดเป็นข่าวขึ้น ทำให้บอสชาวจีนได้ย้ายตนไปหลบอยู่อีกออฟฟิศหนึ่งทันที ซึ่งเป็นตึก 4 ชั้นในซอยวัดใหม่ โดยเมื่อทำงานที่นี่เป็นรูปแบบการหลอกลวงลักษณะเดียวกับที่แรก แต่เปลี่ยนตัวสินค้าที่ให้เหยื่อทำภารกิจ โดยที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 นี้ ตนใช้ Facebook อวตาร ชื่อ “ก้อย” แค่ตัวเดียว ได้ลูกค้าที่พูดคุยด้วยประมาณ 20 กว่าคน และมีผู้หลงเชื่อให้หลอกจำนวน 1 คน เป็นเงิน 25,000 บาท แต่ตนเห็นคนเก่งๆ ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ สามารถหลอกลวงพยาบาลสาวได้เป็นเงิน 5,000,000 บาท ตนจึงพยายามตั้งใจทำงานมากขึ้นหวังจะได้เงินเยอะๆ


แต่เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่งก็ประสบปัญหา โดย Boss ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ที่เป็นชาวไทยชื่อว่า “แสบ” ได้เข้ามาตีสนิทและบีบบังคับให้ตนเองเป็นเมียน้อย โดยจะให้เงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ตนได้ปฏิเสธจึงถูกไล่ออกทันที ซึ่งหลังถูกไล่ออกตนก็ได้ไปเข้าทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ซึ่งเรียกกันว่า หลังบ่อตกปลา โดยการหลอกจะเป็นรูปคล้ายเดิม คือหลอกให้รักแล้วชวนลงทุนเทรดหุ้นในแพลตฟอร์มเก๊ ซึ่งท้ายสุดเหยื่อจะถอนเงินออกไม่ได้ ซึ่งทำงานได้เพียง 3 วัน นายต่อแฟนที่เป็นคู่กรณีก็ได้ทักมาบอกว่าสารวัตรแจ๊ะจะไปตามจับให้หลบหนี ซึ่งถัดมาเพียง 2 วัน ก็มีตำรวจมาจับกุมตนจริงๆ ระหว่างเดินทางไปทำงาน โดยช่วงชีวิตที่ผ่านมา 2 เดือนนี้ตนรู้สึกได้ว่าถลำลึกไปมาก โดยตอนแรกคิดเพียงว่าจะไปหาเงินสักก้อนหนึ่งเพื่อนำกลับมาชดใช้ไม่คิดว่าชีวิตจะถลำลึกถึงเพียงนี้ อยากให้ชีวิตตนเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม ส่วนปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นตนคิดว่าคงแก้ไม่ได้ เพราะรายได้ดี อย่างไรก็ล่อตาล่อใจให้คนมาทำได้ง่ายๆ

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ในส่วนทางคดีของการลักทรัพย์ จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมติดการพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการตัดสินใจในการก่อเหตุ โดยในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ แต่ที่จะต้องมีการขยายผลต่อไปคือเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจากการสืบสวนติดตามตัวห้วงที่ผ่านมา พบข้อมูลพยานหลักฐานสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่ผู้ต้องหาให้ข้อมูลจริง ซึ่งเป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่าธุรกิจแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เติบโตและระบาดในประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก

“ซึ่งหลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียด และขอยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และหากท่านใดมีเบาะแสสามารถส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาได้ที่ เพจสืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ