Samsung ได้เปิดตัวหน้าจอ Monitor ใหม่ล่าสุด โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 รุ่น และครบครันตอบโจทย์ตั้งแต่ในเรื่องของหน้าจอที่คมชัด บุกเบิกเทคโนโลยี OLED ใหม่ล่าสุด
ก่อนที่จะพบกับหน้าจอของ Samsung ที่จัดหนักทั้งหมด 6 รุ่นนั้น Samsung ได้เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากข้อมูลจากซัมซุงที่ระบุว่า ในช่วงปี 2565 – ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ยอดขายจอมอนิเตอร์ในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตสูง
และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มจอมอนิเตอร์พรีเมี่ยมที่มีความโดดเด่นและมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ กลุ่ม Samsung Odyssey OLED ซึ่งมีการเติบโตมากกว่า 100% ตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ประเทศไทยมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซีย
รอบนี้เรามาดูหน้าจอทั้งหมด 6 รุ่นประกอบไปด้วย
Samsung Odyssey
Samsung Odyssey OLED G8
เริ่มต้นกับจอเล่นเกมที่นอกจากสเปกที่สูงสุดแล้วยังมาพร้อมกับการออกแบบให้สามารถระบายความร้อนได้ดีเพื่อลดการเกิดอาการ Burn-In และยังให้ค่า HDR 10 และมีค่าสีที่ธรรมชาติมากขึ้น และยังรองรับการเชื่อมต่อครบเครื่อง แถมยังให้ Refresh Rate สูง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติดังนี้
- จอภาพ OLED ขนาด 32 นิ้ว
- ความละเอียด 4K UHD (3840×2160)
- อัตราส่วนหน้าจอ 16:9
- อัตราการรีเฟรช 240Hz
- อัตราตอบสนอง 03ms GtG (สีเทาถึงสีเทา)
- Tizen OS พร้อมประสบการณ์ Smart TV และ SmartThings (IoT)
- หน่วยประมวลผล NQ8AI Gen3 ช่วยอัปสเกลภาพความละเอียดต่ำ ให้มีความละเอียดใกล้เคียง 4K ได้
- Dynamic Cooling System ครั้งแรกของโลกที่ได้นำ Pulsating Heat Pipe มาใช้ในมอนิเตอร์เพื่อกระจายความร้อนได้ดีกว่าการระจายความร้อนด้วยแผ่นกราไฟต์ถึง 5 เท่า
- Glare Free ช่วยลดแสงจ้าจากแหล่งแสงสว่างภายนอก เพื่อให้หน้าจอ OLED ให้สีดำที่สมบูรณ์แบบ และแสดงสีสันได้อย่างไร้สิ่งรบกวน
และนอกจากนี้ยังออกแบบในแบบ Ergonomic design หมุน เอียง และปรับมอนิเตอร์ได้ตามใจ และมองได้สบายตามากขึ้น
Samsung Odyssey OLED G6
รุ่นนี้มีหน้าตาที่เหมือนกันกับ G8 แต่ขนาดเล็กกว่าเด่นที่ Refresh Rate 360 Hz คุณสมบัติอื่นๆ มีดังนี้
- จอภาพ OLED ขนาด 27 นิ้ว
- จอภาพความละเอียด QHD (2560 x 1440)
- อัตราส่วนหน้าจอ 16:9
- อัตราการรีเฟรช 360Hz
- อัตราตอบสนอง 0.03ms GtG (สีเทาถึงสีเทา)
- Dynamic Cooling System ครั้งแรกของโลกที่ได้นำ Pulsating Heat Pipe มาใช้ในมอนิเตอร์เพื่อกระจายความร้อนได้ดีกว่าการระจายความร้อนด้วยแผ่นกราไฟต์ถึง 5 เท่า
- Glare Free ช่วยลดแสงจ้าจากแหล่งแสงสว่างภายนอก เพื่อให้หน้าจอ OLED ให้สีดำที่สมบูรณ์แบบ และแสดงสีสันได้อย่างไร้สิ่งรบกวน
- Ergonomic design หมุน เอียง และปรับมอนิเตอร์ได้ตามใจ
Samsung Smart Monitor M-Series
มาถึงกลุ่ม Smart Monitor รุ่นใหม่นำเสนอประสบการณ์การรวมฟังก์ชันการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์ไว้ด้วยกันเพื่อความบันเทิงที่ชาญฉลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้น
พระเอกของตระกูลนี้คือ Smart Monitor M8 ขนาด 32 นิ้ว ความละเอียดระดับ 4K UHD รุ่นใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนด้วย AI มาพร้อมโปรเซสเซอร์ NQM AI ช่วยยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงและประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น การปรับปรุงภาพที่มีความละเอียดต่ำให้คมชัดขึ้นด้วย AI ทำได้ถึงเกือบ 4K และ Active Voice Amplifier Pro ใช้ AI ในการตรวจจับเสียงรอบข้างของผู้ใช้
เพื่อปรับระดับเสียงของลำโพงให้คมชัดมากที่สุด 360 Audio Mode ใน M8 จับคู่กับ Galaxy Buds ช่วยสร้างประสบการณ์การฟังที่ดีและสมจริงขึ้น กล้อง SlimFit ในตัวยังทำให้การสนทนาทางวิดีโอผ่านแอปพลิเคชันมือถือด้วย Samsung Dex เป็นเรื่องง่าย ฟีเจอร์ใหม่ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Smart Monitors รุ่นใหม่ ได้แก่ Workout Tracker ซึ่งจับคู่กับ Galaxy Watch เพื่อเปิดใช้งานข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์บนหน้าจอแม้ในขณะที่กำลังใช้งานจอภาพอยู่ แถมทำงานกับ Microsoft 365 ได้
คุณสมบัติเด่นของ Smart Monitor M8
- จอภาพขนาด 32 นิ้ว
- จอภาพความละเอียด 4K UHD
- อัตราส่วนหน้าจอ 16:9
- ความสว่าง 400cd/m2
- อัตราตอบสนอง 4ms (GTG)
- เทคโนโลยี AI Upscaling
- รองรับ HDR10+
- Active Voice Amplifier Pro
- Tizen OS พร้อมประสบการณ์ Smart TV และ SmartThings (IoT)
- SolarCell Remote รีโมทที่มีแผงโซลาร์ด้านหลังสำหรับชาร์จแบตเตอรี่
- แอปสำหรับการทำงาน Microsoft 365
- วิดีโอคอลได้ ด้วยกล้อง SlimFit
- พอร์ต USB-C รองรับ 65W
แต่รุ่นอื่นๆ เช่น M7 โดดเด่นเรื่องของการเสียบพอร์ตครบครัน แต่ว่าสิ่งที่จะหายไปคือกล้องและมีขนาดที่ใหญ่โต และรุ่น M5 ใครต้องการขนาดที่เล็กเพียง 27 นิ้ว รุ่นนี้ตอบโจทย์กว่า
Samsung ViewFinity
ViewFinity รุ่นล่าสุด ประกอบด้วย ViewFinity S8 (รุ่น S80UD) และ ViewFinity S6 (รุ่น S65VC) รองรับการใช้งานของครีเอทีฟและคนทำงาน โดยได้รับการพัฒนาตามแนวปฏิบัติที่ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม ViewFinity รุ่นปรับปรุงปี 2567 ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลอย่างน้อย 10% ไม่ใช้สารเคมีพ่นสเปรย์ในส่วนประกอบพลาสติก บรรจุภัณฑ์ใช้กาวแทนลวดเย็บ ช่วยให้เกิดความปลอดภัย
นกจากนี้ยังคำนึงถึงเรื่องความสะดวกในการติดตั้งเช่น การเลือกใช้ ขาตั้ง Easy Setup Stand สามารถประกอบได้อย่างรวดเร็วด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือหรือสกรู ทำให้การตั้งค่า
และการใช้งานหน้าจอแสดงผลที่มีชีวิตชีวาของ ViewFinity ทำได้ง่ายและรวดเร็ว จอภาพ ViewFinity ปี 2567 ทุกเครื่องรองรับ HDR10 และการแสดงผล 1 พันล้านสี ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการแสดงสีที่แม่นยำ ขณะเดียวกันยังผสานรวมฟีเจอร์ Intelligent Eye Care ที่ได้รับการรับรองจาก TÜV-Rheinland ช่วยลดความเมื่อยล้าของตาที่ทำงาน
สำหรับรอบนี้เปิดตัวทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ
ViewFinity S80UD
- จอภาพขนาด 27 นิ้ว
- จอภาพความละเอียด 4K UHD (3840×2160)
- อัตราส่วนหน้าจอ 16:9
- ความสว่าง 350 นิต ()
- อัตราการรีเฟรช 60Hz
- อัตราตอบสนอง 350 นิต ()
- USB Hub และ Ethernet (LAN) เพื่อการเชื่อมต่อที่ง่ายดาย และขาตั้งแบบปรับความสูงได้
- มีสวิตช์ KVM ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เพื่อให้การเชื่อมต่อและการสลับใช้อุปกรณ์ 2 เครื่อง ทำได้ง่ายขึ้น
- พอร์ต USB-C ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จอุปกรณ์ ได้ด้วยกำลังไฟสูงสุด 90W
ViewFinity S6
- จอภาพขนาด 34 นิ้ว
- จอภาพความละเอียด WQHD (3440×1440)
- อัตราส่วนหน้าจอ 21:9 และโค้งระดับ 1000R
- ความสว่าง 350 นิต (Typ.)
- อัตราการรีเฟรช 100Hz
- อัตราตอบสนอง 5ms
- USB Hub และ Ethernet (LAN) เพื่อการเชื่อมต่อที่ง่ายดาย และขาตั้งที่ปรับความสูงได้
- มีสวิตช์ KVM ในตัวและพอร์ต USB-C (ชาร์จสูงสุด 90W)
ทั้งหมดนี้พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่วันนี้ราคาเริ่มต้นที่ 11,990 และ จบที่ราคาหลัก 3 หมื่น แต่ทั้งนี้เลือกจอได้ตามใจและการใช้งานเพราะ Samsung เองก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่นและรูปแบบเช่นเดียวกันครับ