“พระอานนท์” เปิดใจ หลังสึกแล้ว ปมโดนวิจารณ์ยับกรณีหิ้วอาหารให้กำลังใจ “ผู้กำกับโจ้” ยืนยันมาสึกเอง ไม่มีใครบังคับ
ความคืบหน้าจากกรณีที่ พระอานนท์ ธมมโชโต ซึ่งเดินทางไปให้อาหาร และให้กำลังใจ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องหาคดีคลุมถุงดำผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิต
ต่อมา วัดภัทรสิทธาราม ได้ออกหนังสือคำสั่งเจ้าอาวาส ให้พระอานนท์ พ้นออกจากวัด เพราะประพฤติผิดทางโลกวัชระ จึงเป็นที่ติเตียนทั่วไป จากนั้นพบว่าพระอานนท์ธมมโชโต สังกัดที่วัดไพรสณฑ์ศักดาราม อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
- “วัดภัทรสิทธาราม” สั่งให้ “พระอานนท์” พ้นวัด ปมหิ้วอาหารให้กำลังใจอดีตผู้กำกับโจ้
ล่าสุด วันนี้ (31 ส.ค.) พระอานนท์ ธมมโชโต ได้เดินทางมาโดยรถยนต์ส่วนตัว เพื่อมาที่วัดไพรสณฑ์ศักดาราม อำเภอหล่มสัก เพื่อทำการสึก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางวัดเองก็ทราบล่วงหน้าว่า วันนี้พระอานนท์ จะมาทำการสึก เพราะทางวัดเองได้มีการเตรียมจัดพิธีสึก ให้กับทางพระอานนท์
ขณะเดียวกัน พระอานนท์ เองก็ได้ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวหลังทำการสึกแล้ว พร้อมทั้งบอกว่าหลังจากนี้จะเดินทางกลับไปอยู่ที่อำเภอวิเชียรบุรีทันที
จากการสอบถาม นายอานนท์ หรือ อดีตพระอานนท์ อายุ 62 ปี กล่าวว่า ตนเองไม่เคยรู้จักกับผู้กำกับโจ้ มาก่อน แต่รู้ว่าเป็นผู้กำกับ ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ส่วนเรื่องที่ตนเองออกไปให้กำลังใจเพราะมองว่า คนที่เคยรับราชการ เคยมียศถาบรรดาศักดิ์ ก็กลัวแกจะเครียด กลัวจะฆ่าตัวตาย คนเราต้องมีทั้งความดี ความชั่ว ตนมองว่าถ้าเป็นพระไปขอชีวิตไว้ ผู้กำกับโจ้น่าจะฟัง เพราะการฆ่าตัวตายเป็นบาปมาก จึงตัดสินใจไป
ส่วนเรื่องความไม่เหมาะสม คนเองก็รู้ แต่ต้องไป เพราะต้องการให้ผู้กำกับโจ้ มีสติ ว่าพระมาขอชีวิตไว้ ส่วนผู้สื่อข่าวที่ถามมา ตนก็ตอบส่งเดชไปอย่างนั้น วันนี้ก็ยังยืนยันจะให้กำลังใจผู้กำกับโจ้ ว่าให้สู้ชีวิตต่อไป อย่าไปฆ่าตัวตาย เพราะการฆ่าตัวตายจะไม่ได้เกิด ตนเองขอแค่ตรงนี้ ไม่ได้ขออย่างอื่น เรื่องกระบวนการยุติธรรม คือ ผิดก็คือผิด ส่วนเรื่องสึก ก็ไม่มีใครบังคับ ตนเองตัดสินใจเอง
ซึ่งตนได้ปรึกษากับพระที่จังหวัดนครสวรรค์แล้ว โดยทางพระที่นั่นแนะนำให้มาทำการสึกที่วัดไพรสณฑ์ เพราะเป็นวัดต้นสังกัด ตนก็เลยเดินทางมาพักที่วิเชียรบุรีเมื่อวานนี้ และตอนเช้าก็จึงได้เดินทางมาที่วัดไพรสณฑ์เพื่อทำการสึก
ตนบวชไม่ใช่เพื่อเลี้ยงชีพ แต่บวชเพราะความศรัทธา เมื่อบวชแล้วต้องศึกษา ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช ทั้งสายสามัญด้วย สายธรรมศึกษา สายพระธรรม สายธรรมบาลีด้วย แต่ใครจะปฏิบัติได้ก็ดี บางคนก็ปฏิบัติได้แค่ครึ่ง บางคนปฏิบัติไม่ได้ก็มี อย่างนี้ก็ยังเป็นปุถุชนอยู่ ไม่ใช่พระอริยะ ก็ยังเป็นพระที่ยังหนากิเลส มันก็ย่อมมีผิดพลาดไป