ชาวบ้านร้องเรียน พระไม่อยู่วัด นั่งขายของในร้าน พักอยู่กับอดีตภรรยานับปี เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโดนโวยกลับ
วันที่ 11 มี.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเมืองสระบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สระบุรี (พสจ.สระบุรี) และ พระครูปราสาท สรคุณ เจ้าคณะตำบลหน้าพระลาน วัดศรัทธาประชากร ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านมินิมาร์ท ตั้งอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เนื่องจากมีชาวบ้านร้องเรียน ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า พบเห็นพระสงฆ์ พักอาศัยอยู่กับอดีตภรรยาเป็นเวลานาน ไม่กลับไปอยู่วัด บางครั้งก็นั่งขายของอยู่ภายในร้าน เกรงว่าจะทำความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าพระรูปดังกล่าว กำลังนั่งฉันภัตราหารเพลอยู่บนโต๊ะอาหารภายในร้าน โดยมีอดีตภรรยานั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกมุมหนึ่งของร้าน จากการสอบถามทราบว่าพระภิกษุ อายุ 80 ปี พรรษา 22 สังกัดวัดแห่งหนึ่ง ต.อิสาน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
พระภิกษุ อายุ 80 ปี กล่าวว่า ตนเป็นพระสามารถพักอาศัยอยู่ที่ไหนก็ได้ ซึ่งการอยู่ด้วยกันนั้น จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ มันอยู่ที่ใจ ซึ่งเวลาฉันข้าวอดีตภรรยาก็เป็นคนถวายให้ ตนเองก็ ยะถา สัพพี ให้เวลาจะเอาอะไรเพิ่มก็ไม่ได้รับกับมือ มีการวางไว้ให้จึงได้หยิบ
ทางเจ้าหน้าที่พูดว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ชาวบ้านไม่สบายใจ ซึ่งอดีตภรรยาตอบกลับมาว่า ตนไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้กับใคร ซึ่งเมื่อพระรูปดังกล่าวนำอาหารเข้าไปเก็บในครัวและเมื่อเดินออกมาก็โวยใส่นักข่าวว่า มันจะอะไรกันนักกันหนา ตนไม่ได้ไปฆ่าไปแกงใครที่ไหน
พร้อมกล่าวอีกว่ารู้จักปาราชิกไหม ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามเรื่องผู้หญิง นึกว่าตนเป็นอรหันต์ ซึ่งตนไม่เคยพูดคุยกับใครถ้ามาดูถูกตนเองแบบนี้ก็อยากจะให้ฟังหรือมาสนทนาธรรมกัน ใครเก่งธรรมะเชิญเลย โดยที่ตนจะยังคงอยู่ภายในร้านดังกล่าวต่อ
ด้าน อดีตภรรยา กล่าวว่า ที่พระมาอยู่ที่นี่ เนื่องจากว่าต้องไปหาหมอ และต้องฉีดยา เนื่องจากว่าไม่ค่อยสบาย และเมื่อกลับไปไม่ได้ก็ให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ซึ่งการมาอยู่ก็อยู่แบบไป ๆ มา ๆ ซึ่งพระก็บวชมา 20-30 ปีแล้ว
ส่วน พระครูปราสาท สรคุณ เจ้าคณะตำบลหน้าพระลาน(วัดศรัทธาประชากร) กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนไปว่า มีพระภิกษุมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นเวลานาน ซึ่งมาขายของด้วย ทำให้ทางญาติโยมเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม ก็เลยร้องเรียนไปยังสำนักงานพุทธ ซึ่งทางสำนักงานพุทธได้แจ้งมายังอาตมาให้เข้ามาตรวจสอบ
จากการตรวจแลสอบถามดูทราบว่าพระรูปนี้ได้เข้ามาอยู่เป็นระยะเวลานาน เป็นแรมปีแล้ว และไม่ได้ไปไหนมาอยู่เป็นประจำซึ่งทำให้เกิดความไม่เหมาะสม และไม่ถูกต้อง ซึ่งพระควรจะมีสังกัด และอยู่ที่วัด ซึ่งการที่จะมาที่บ้านได้ก็ควรจะมาเป็นบางครั้ง บางคราว ไม่ควรจะมาอยู่ประจำเป็นเวลานาน ๆ ถ้ามาเยี่ยมโยมก็มาเยี่ยมได้ ซึ่งมา 2-3 วันหรืออาทิตย์หนึ่งก็ยังไม่น่าเกียจ
ซึ่งไม่ควรที่จะมาอยู่เป็นประจำเป็นแรมปีแบบนี้ เป็นการที่ไม่เหมาะสม การมานั่งขายของด้วยแล้วยิ่งไม่เหมาะสมใหญ่ ในเรื่องนี้จะมีความผิดในเรื่อง ของกฎระเบียบของมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นคำสั่งของมหาเถรสมาคมว่า ภิกษุต้องมีที่พักเป็นหลักแหล่ง ซึ่งควรที่จะพักอยู่ในวัด ในอารามมีสังกัดที่ชัดเจน ซึ่งไม่อนุญาตให้มาอยู่บ้านเป็นเวลานานแบบนี้
พระครูปราสาท กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นจริงตามที่ชาวบ้านร้องเรียนมา และเมื่อให้พระรูปดังกล่าวกลับไปยังสังกัดแล้ว แต่ว่าเขายังไม่ยอมกลับ ทางเราก็จะแจ้งไปยังต้นสังกัด ว่าพระที่อยู่ในความดูแลของท่านได้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน และกระทำพฤติกรรมเช่นนี้ โดยไม่เชื่อฟังและไม่ยอมกลับไปวัด ซึ่งมาอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งมหาเถรสมาคม เจ้าหน้าที่มากล่าวตักเตือนแล้วก็ไม่ฟัง
จึงได้ทำการบันทึกไว้แล้ว ซึ่งจะนำเรื่องนี้แจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ต้นสังกัดให้ทราบ โดยจะให้ทางเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์เรียกพระรูปนี้กลับไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ถ้าทางต้นสังกัดมีการเรียกไปแล้ว พระรูปนี้ยังไม่ไปก็จะให้ทางเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ทำหนังสือมายัง สำนักงานพุทธศาสนา ว่าจะเอาอย่างไร
ถ้าหากพระรูปนี้กลับไปยังสังกัดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเรียกแล้วไม่กลับ ทางเราก็จะอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่มหาเถรสมาคมให้วิธีการปฏิบัติมา โดยสามารถจับสึกได้เลย ซึ่งสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่และพักค้างแรมตามบ้านเรือน พ.ศ.2521 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มหาเถรสมาคมออกคำสั่งมหาเถรสมาคมไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 4 ห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตรไปในที่ต่างๆ โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ข้อ 5 ห้ามภิกษุสามเณรพักค้างแรมตามบ้านเรือนติดต่อกันเกินสมควรโดยไม่จำเป็น
(๑) ในกรณีที่ภิกษุสามเณรรูปนั้นมีหนังสือสุทธิโดยถูกต้อง ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะเจ้าของท้องที่แล้วแต่กรณี แนะนำภิกษุสามเณรรูปนั้นให้กลับสำนักเดิม พร้อมกับรายงานเจ้าอาวาสเจ้าสังกัดทราบ โดยผ่านเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดของภิกษุสามเณร รูปนั้น
(๒) ในกรณีที่ภิกษุสามเณรรูปนั้นเมื่อสอบสวนแล้ว ปรากฏว่ามีหนังสือสุทธิปลอม ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะเจ้าของท้องที่ดำเนินการให้ภิกษุสามเณรรูปนั้นสละสมณเพศแล้วมอบตัวให้ฝ่ายบ้านเมืองดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกับรายงานเจ้าคณะตามลำดับ จนถึงมหาเถรสมาคม
ขณะที่ นางสมบัติ พงษ์พรต เจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธศาสนา จ.สระบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ทาง พสจ.สระบุรีได้ดำเนินการ แจ้งเบาะแสพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระภิกษุรูปดังกล่าว ไปยังเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งก็ผ่านมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ซึ่งทาง สนง.จะเร่งติดตามเร่งรัดไปยังจังหวัดบุรีรัมย์
ซึ่งครั้งนี้ยังคงต้องรอหนังสือตอบรับกลับมาจากเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งทางเราก็ได้ประสานกับทางเลขาทางเจ้าคณะจังหวัดแล้ว คาดว่าอย่างช้าไม่น่าจะเกิน 7 วันจะทราบผล