พท. ซัด ‘ประยุทธ์’ อย่าลุแก่อำนาจ เหมือนตอนรัฐประหาร จี้ฟังเสียง ปชช. ปมนิคมจะนะ

Home » พท. ซัด ‘ประยุทธ์’ อย่าลุแก่อำนาจ เหมือนตอนรัฐประหาร จี้ฟังเสียง ปชช. ปมนิคมจะนะ


พท. ซัด ‘ประยุทธ์’ อย่าลุแก่อำนาจ เหมือนตอนรัฐประหาร จี้ฟังเสียง ปชช. ปมนิคมจะนะ

เพื่อไทย ซัด ‘ประยุทธ์’ อย่าลุแก่อำนาจ เหมือนตอนรัฐประหาร จี้ฟังเสียงประชาชน ปมนิคมจะนะ พร้อมแก้ปัญหาให้ผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม

จากกรณีรัฐบาลมีสัญญาณเดินหน้าปรับผังเมือง เพื่อรองรับการลงทุนของภาคเอกชน ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา จากเดิมสงวนไว้เพื่อใช้ในการเกษตรกรรม เป็นพื้นที่สามารถพัฒนาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันเป็นเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจในฐานะ “เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ทั้งที่ยังไม่มีการเปิดให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2564 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังบริหารประเทศเพื่อประชาชนคนไทย หรือเพื่อประโยชน์ใครเป็นสำคัญกันแน่ การปรับเปลี่ยนพื้นที่ อ.จะนะ หลายพื้นที่เป็นเขตอุตสาหกรรม มีประชาชนผู้ได้รับผลกระทบออกมาเคลื่อนไหวขอความเป็นธรรมจำนวนมาก เหตุใดจึงมีพฤติกรรมกีดกันผู้เห็นต่างออกจากเวทีรับฟังความคิดเห็น ปากพูดตลอดว่าทำเพื่อประชาชน แต่หลักปฏิบัติบิดเบี้ยวไม่เหมือนที่พูด

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า หากยังเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ขอให้แสดงความจริงใจในการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน โดยต้องคำนึงผลกระทบต่างๆ ได้แก่ 1.กรณีการจัดทำแผนการพัฒนาใดๆ ที่เป็นระดับยุทธศาสตร์ มีผลกระทบเป็นวงกว้างเช่นนี้ ควรจัดให้มีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ หรือ S.E.A. (Strategic Environmental Assessment) ก่อนเป็นอันดับแรก ทำการศึกษาร่วมกับประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เอาเป้าหมายของการพัฒนาเป็นตัวตั้ง และมีทางเลือกดำเนินการที่หลากหลาย สามารถประเมินข้อดีข้อเสียในมุมต่างๆ เพื่อสรรหาแนวทางที่สอดรับกันมากที่สุดก่อน จึงค่อยกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ ต่างจากที่รัฐบาลประกาศลอยๆ ด้วยตัวเองมาก่อนหน้านี้

2.หากรัฐยังจะดำเนินการต่อ ต้องเปิดเผยผลการรับฟังประชาชนที่อ้างว่ามีการจัดทำขึ้นแล้วหลายต่อหลายครั้ง ว่ามีการรับฟังที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่มหรือไม่ ความคิดเห็นของประชาชนเป็นอย่างไร หรือได้นำข้อกังวลของผู้ได้รับผลกระทบมาปรับแก้ไขหรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่สักแต่ทำให้เป็นพิธีกรรมเหมือนได้ทำครบกระบวนการเท่านั้น เพราะการพัฒนาพื้นที่ใดๆ ของรัฐ ไม่ควรทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่ต้องนำข้อกังขาและความทุกข์ร้อนทั้งหมดกลับมาพิจารณา เพื่อหาทางออกที่สาธารณะยอมรับได้ไปด้วยกัน

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า 3.การนำเสนอแผนพัฒนาเมืองใดๆ นอกเหนือจากการขายฝันที่สวยหรูแล้ว รัฐบาลต้องสามารถแสดงแผนการช่วยเหลือ หรือแก้ปัญหาให้ผู้ได้รับผลกระทบในทางลบอย่างเป็นรูปธรรมประกอบด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเรียนรู้ได้แล้วว่าการบริหารประเทศต้องมีประชาชนเป็นหัวใจหลัก การวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาเมืองเองก็เช่นกัน ต้องมีกระบวนการรับฟังที่เอาประชาชนมามีส่วนร่วมอย่างจริงใจ อย่าลุแก่อำนาจทำตามอำเภอใจเหมือนสมัยที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจมา เพราะยุทธศาสตร์การพัฒนาชาติที่ผิดพลาด จะบั่นทอนโอกาส คุณภาพชีวิตคน ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศที่เรียกคืนมาไม่ได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ