ฝน ธนสุนธร ไม่ให้ราคาเกรียนแขวะ “เสียดายของ” หลังแฟนสาวหล่อ ทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน ตอกกลับผู้ชายเห็นแก่ตัวทัศนคติเป็นพิษ
นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี สำหรับ ฝน ธนสุนธร นักร้องเสียงหวานเจ้าของฉายา “เจ้าหญิงลูกทุ่ง” เมื่อ เอ อุไรมนัส หวานใจสาวหล่อดที่ดูแลกันมากว่า 20 ปี ทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงานกลางรายการโทรทัศน์ จนตื้นตันใจกลั้ยน้ำตาไหวไม่อยู่ แต่ทว่าหลังจากเรื่องราวความรักสุกงอม ถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง มีผลสะท้อนกลับมาทั้งภาษาดอกไม้และก้อนอิฐ ไม่ต่างกับช่วงที่เริ่มเปิดตัวให้สาธารณชนรับรู้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝน ธนสุนธร บอกกับ Sanook.com ว่า อยากขอบคุณคนที่ร่วมแสดงความยินดี และสนับสนุนเธอกับ เอ อุไรมนัส มองว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามโดยไม่จำเป็นต้องตั้งเงื่อนไขว่าต้องเป็นคู่รักชายหญิงเสมอไป
ในส่วนของเสียงวิจารณ์มีหลายความคิดเห็นที่รุนแรงเกินไปจนรับไม่ได้ “เสียดายของ” ฝนบอกด้วยว่ารู้สึกเกลียดผู้ชายที่มีทัศนคติแบบนี้มาก อยากถามกลับว่า “ผู้หญิงรักผู้หญิง” ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครเสียหายตรงไหน
“ตอนแรกไม่ใช่แค่โกรธนะ เกลียดมาก ได้เห็น และได้ยินคำว่าเสียดายของ และเราก็มาตั้งสติ คนที่พูดคำนี้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว ถ้าผู้ชายที่ไม่เห็นแก่ตัวเขาก็เฉยๆ ก็แล้วแต่เขามันคือความสุขของเขา หรือว่าเขาเลือกของเขา คือ คนดีๆ เขาคิดแบบนี้ค่ะ”
“คนที่คิดไม่ค่อยดี หรือว่าพวกไล่ล่าผู้หญิงอะไรประมาณนี้ เขาจะมองว่าเสียดาย ทำไมล่ะ เสียดายนี่คืออยากจะย่ำยีเหรอ ย่ำยีแล้วก็ทิ้งไปอย่างนี้เหรอ เราก็เลยมองว่าไม่เก็บมาทำร้ายจิตใจเรา ไม่ให้ราคากับคำพูดพวกนี้ ไม่ใส่ใจดีกว่า เพราะเรารู้อยู่แกใจว่า เราไม่ได้เสียหายอะไร”
ฝน บอกต่อว่า อยากให้คนที่มีทัศนคติเป็นพิษแบบนี้ เคารพความแตกต่างและความคิดต่างของคนอื่นด้วย หากจะอ้างว่าทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแตกต่างได้ แต่ ต้องมีสามัญสำนึกด้วย ว่าเราไม่ควรไปด่าทอให้ร้ายคนอื่นไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม
“ในโลกนี้มันก็มีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ และก็มีทั้งเฉยๆ อยากจะหวานฉันก็เฉยๆ ฉันไม่สน แต่บางคนที่เขารักเรา ที่เข้าอยากเห็นเรามีความสุขเขาก็โอ๊ยพี่ฝนแบบหวานจังเลยดีจังเลย ยินดีด้วยนะ”
“บางคนที่เขาไม่ชอบเดี๋ยวเหอะเดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวมันก็เลิกกัน คือมันสิทธิคิดได้หมดน่ะค่ะ แต่ในความรู้สึกของฝนก็คือว่า ทำอะไรก็ตามให้มันพอเหมาะ ให้มันพอดี ให้มันเหมาะสมกับกาลเทศะ ฝนว่าฝนก็ทำอะไรที่มันกลางๆ ไม่มากไปไม่น้อยไป”
อย่างไรก็ตามฝนทิ้งทายว่า สำหรับเธอการที่จะเลือกคนมาเป็นคู่ชีวิตนั้นอยู่ที่ใจ ไม่ได้มองแค่เปลือกนอก ระยะเวลากว่า 20 ปี ผ่านบททดสอบร่วมกันมามากมาย จนต่างฝ่ายต่างก็มั่นใจว่า “คนนี้แหละที่เราจะสามารถฝากชีวิตไว้ได้”
“เราเริ่มต้นจากการเป็นพี่เป็นน้องก่อนนะ แล้วเขาก็เข้ามาดูแลเราทุกอย่างทำอะไรให้เราหมดเลย เป็นห่วงเป็นใยทุกอย่าง เราก็มองว่าใช้ได้ เขารักเราเหมือนหญิงชายแต่เราก็มองว่าไม่ได้มีอะไรเสียหาย”
“ที่ผ่านมามีผู้ชายมาจีบเขาไม่เคยดูแลเราขนาดนี้ คนนี้เขาไม่เคยทำอะไรให้รู้สึกว่าเรากังวลเลย ไม่ต้องมานั่งหึงหวงหรือว่าเขาจะไปมีใครยังไง เราก็เลยถามตัวเองว่า ต้องการอะไร ต้องการคนดูแล และถ้าเขาดูแลเราได้ดี เราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้”
“เราใช้คำว่าดูแลกันไป มากกว่าคบกันและก็เป็นแฟน เพราะฝนมองว่าคำว่าแฟนมันมีนัย หรือความหึงหวง มีอะไรอยู่เยอะแยะ แต่ถ้าดูแลกันมันเหมือนเพื่อนเหมือนพี่ เหมือนพ่อเหมือนแม่ เหมือนน้อง เหมือนคนในครอบครัว เหมือนคนในสายเลือดที่ดูแลกัน เราใช้คำว่าดูแลกันเพื่อที่เราจะไม่ทิ้งกัน” ฝนกล่าว