ตรัง ผู้สมัคร ส.ส. แจ้ง ตำรวจ กกต. ช่วยดูแลช่วงหาเสียงเลือกตั้ง หวั่นกระแสนำเงินซื้อเสียง ใช้อิทธิพล เริ่มมีการแย่งตัวแกนนำ หัวคะแนน รวมถึง ทำลายป้ายหาเสียงเสียหาย
7 เม.ย. 66 – พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า
ช่วงนี้บรรดาผู้สมัคร ส.ส.ต่างก็เร่งระดมออกหาเสียง ซึ่งได้ชี้แจงให้ ผู้กำกับการโรงพักทั้ง 16 สถานี รวมทั้งฝ่ายสืบสวน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ตรวจสอบติดตามว่า ในพื้นที่มีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ หรือมีการใช้สิ่งที่อยู่นอกเหนือกฎหมายหรือไม่
เช่น การข่มขู่คุกคาม หรือการเอาผู้มีอิทธิพลมาห้ามปรามไม่ให้หาเสียงเลือกตั้ง หากพบจะต้องเข้าตรวจสอบ แล้วดำเนินการตามกฎหมายทันที นอกจากนั้นยังได้จับมือกับตำรวจสันติบาล ช่วยกันหาข่าว มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดหากมีการแจ้งจากฝ่ายข่าวเข้ามา
พร้อมทั้งทำงานเชื่อมโยงข้อมูลกับจังหวัดรอบข้าง ทั้งสตูล พัทลุง นครศรีธรรมราช และกระบี่ ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกัน เช่นเดียวกับ กกต.และฝ่ายปกครอง ก็ได้ทำงานประสานหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน จึงเชื่อว่าไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
นายถนอมพงศ์ หลีกภัย ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่า ตอนนี้แต่ละพรรคก็เร่งออกเดินหาเสียงกัน สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ แคนดิเดต นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับกระแสตอบรับดีมาก เนื่องจากมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ชาวบ้านต่างบอกว่าจะใส่พรรคลุงตู่
สำหรับเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ตอนนี้ก็คือ การซื้อสิทธิ์ขายเสียง ในสมัยก่อนไม่เคยมี แต่สมัยนี้การเอาเงินมาใช้ในการหาเสียงเริ่มมีเยอะขึ้น ตนเองขอไม่เอ่ยถึงพรรคไหน
เพียงแต่ทราบว่า มีการเรียกหัวคะแนนไปให้เงินเป็นก้อน แล้วก็ให้ไปหาลูกบ้านมา ไปหาบัตรประชาชนมา ถือเป็นปัญหาอุปสรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ตนเองจึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนในการรับผิดชอบให้ช่วยกวดขันดูแล ถือว่าเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ เพราะการใช้เงินต่างๆ มันไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย เมื่อลงทุนไปและเข้าไปสู่สภาฯ ชนะการเลือกตั้ง เชื่อว่าเมื่อมีการลงทุน ก็ต้องมีการเอาทุนกลับ มันเป็นผลของระบบการเมืองไทย
นายกิตติพงศ์ ผลประยูร ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ บอกว่า การแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่ที่เห็นความเปลี่ยนแปลงแล้วตอนนี้คือ ในส่วนของแกนนำ หรือหัวคะแนน ที่ถูกแย่งตัว ซึ่งบางคนก็ไป บางคนก็ไม่ไป แต่พบว่าถูกแย่งไปประมาณ 30%
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า อิทธิพลการเมืองท้องถิ่นในจังหวัด แน่นอนไม่มีใครจะมาปฏิเสธว่าไม่มี ทำให้แกนนำเกรงกลัว ไม่อยากจะมีปัญหากับบุคคลบางคน หรือมีอำนาจแฝง เช่น อำนาจเงินเอามาใช้ เพราะทุกคนก็ต้องการเงิน ซึ่งเงินยังซื้อได้ตลอด
ส่วนการคุกคามข่มขู่เพื่อชีวิตนั้น เชื่อว่าตอนนี้ยังไม่มี แล้วก็เชื่อว่าจะไม่มีด้วย แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้ประมาท ต้องคอยระมัดระวัง และยังพบมีการทำลายป้ายหาเสียงของตนเองแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะไปแจ้งความเอาผิดอะไร
ส่วน กกต.ขอให้กวดขันบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดมากขึ้น และตำรวจอยากขอให้ช่วยดูแลผู้สมัครทุกคน อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่ง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ร้าย หรือมารังแกกัน