ชาวบ้านผวา ตายหลายศพผิดปกติ “เชียงข้อง” จัดพิธีจับปอบเผา จู่ๆ คนเมาโผล่ข้ามสายสิญจน์ ไม่ท้อคีบคอชายวัย 61 กล่าวหาเป็นปอบ สุดท้ายเจอแจ้งความหลายกระทง!
เมื่อบ่ายวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดศรีชมชื่น บ้านถิ่น หมู่ 5 ต.เชียงเพ็ง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี หลังทราบว่าผู้ใหญ่บ้านนำชาวบ้านทำพิธีจับปอบเป็นวันที่สอง โดยได้นิมนต์พระภิกษุจาก อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เดินทางมาทำพิธี โดยมีชาวบ้านจำนวนมากเข้าร่วมในพิธี โดยอ้างว่าวันแรกจับปอบได้ 100 กว่าตัว ขณะทำพิธีเผาปอบ ก็มีคนเมาทำลายพิธี ทำให้เผาปอบไม่ไหม้ และปอบหลบหนีไป นอกจากนี้ยังมีคลิปกลับมาจากจับปอบและนำมาทำพิธีเผา และคลิปเชียงข้องจับชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ชายพร้อมกับกล่าวหาว่าเป็นปอบ เป็นกาลีบ้านกาลีเมือง ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีกับเชียงข้องรายนี้แล้ว
โดยภายในลานวัดข้างโบสถ์ มีชาวบ้านส่วนมากเป็นคนชรา นั่งอยู่ในเต็นท์ล้อมด้วยสายสิญจน์ นอกเต็นท์มีผู้หญิงวัยกลางคน 2 คน นั่งอยู่ภายวงล้อมสายสิญจน์ ซึ่งทั้งสองถูกกล่าวหาว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อนมาเข้าร่าง จึงต้องให้อยู่ในวงสายสินจน์ ซึ่งทั้งสองไม่มีแรงจะลุกออกจากสายสิญจน์ นอกวงสายสิญจน์มีผู้หญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งเป็นร่างทรงของปู่ตาประจำหมู่บ้าน เพื่อจะพาชาวบ้านไปขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกจากหมู่บ้าน แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายคลิปหรือรูปภาพขณะทำพิธี นอกจากนี้ยังมีข้องไม้ไผ่ปิดฝาด้วยผ้าขาว และกระบอกไม้ไผ่วางไว้จำนวนมาก ส่วนพระภิกษุที่มาทำพิธีได้นำชาวบ้านไปไล่จับปอบในหมู่บ้านและตามเถียงนา
ก่อนออกไปทำพิธีไล่สิ่งชั่วร้าย นายอ้วน อายุ 50 ปี เล่าว่า เนื่องจากหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีชาวบ้านเสียชีวิตแบบกะทันหัน นอนหลับแล้วไม่ตื่นมาประมาณ 5-6 ราย ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งผิดปกติ จึงได้นำพ่อจ้ำหรือร่างทรงไปทำพิธีเข้าทรางที่ศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน เพื่อถามหาสาเหตุการตายติดต่อกันหลายศพ ก็ทราบว่ามีผีปอบมากินทำให้คนในหมู่บ้านตาย จึงได้ประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน และชาวบ้าน หาทางแก้ไข ลงมติทำพิธีจับปอบ ชาวบ้านก็ลงขันคนละ 200-300 บาท ได้เงิน 3 หมื่นกว่าบาท ไปซื้อสายสิญจน์ ธูป เทียน อุปกรณ์ แล้วไปจ้างพระสงฆ์จาก อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี มาทำพิธีจับปอบ ตามความเชื่อของคนอีสาน เพื่อความสบายใจของชาวบ้าน
“วันแรกจับปอบได้ 100 กว่าตัว นำใส่กระบอกไม้ไผ่ปิดด้วยผ้าสีแดง นำมารวมแล้วทำพิธีเผาที่ลานวัด แต่ขณะที่กำลังทำพิธีเผาปอบ ก็มีมารมาผจญ มีผู้ชายเมาต่างหมู่บ้าน เดินข้ามสายสิญจน์ทำให้พิธีพัง ผีปอบหนีออกไป กระบอกไม้ไผ่ที่ใส่ปอบเผาไม่ไหม้ จึงต้องหยุดทำพิธี และมาทำพิธีเก็บปอบที่หลบหนีและที่เหลือในวันนี้ ในหมู่หมู่บ้าน และท้องไร่ท้องนา และปู่ตาก็ได้มาเข้าร่างทรง ชาวบ้านจึงขอให้ปู่พาไปจับและขับไล่สิ่งชั่วร้ายในหมู่บ้าน หลังทำพิธีจับปอบและขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากหมู่บ้าน ก็จะทำพิธีป้องกันด้วยการล้อมสายสิญจน์ลอบหมู่บ้าน เพราะอยากให้พิธีเสร็จภายในวันนี้ ซึ่งหมู่บ้านเราทำเป็นครั้งแรก แต่หมู่บ้านใกล้เคียงก็ทำเช่นเดียวกัน ”
ต่อมา พระสงฆ์ 1 ใน 3 ที่พาชาวบ้านไปจับปอบที่หลบหนีและหลงเหลือตามหมู่บ้านและตามท้องไร่ท้องนา เดินกลับมาพร้อมกระบอกไม้ไผ่ปิดผ้าแดงจำนวนมาก ซึ่งพระสงฆ์รูปดังกล่าว ห้ามถ่ายภาพ แต่พูดคุยให้ข้อมูลได้ โดยเล่าว่า เป็นพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีธาตุ มีโยมไปนิมนต์มาไล่ปอบ จึงได้มาช่วยเหลือเพื่อให้ชาวบ้านสบายใจ ไม่ต้องกังวลใจ วันแรกจับได้ 100 กว่าตัว กำลังทำพิธีเผา ก็มีคนเมาเดินข้ามสายสิญจน์ ทำให้พิธีพัง เผาไม่ไหม้ ต้องเลิกทำพิธีไป แล้วมาทำพิธีจับปอบที่เหลือในวันนี้ แต่พิธีต้องชะงักเพราะมีนักข่าวมาถ่ายทำข่าวจึงต้องหยุดทำพิธี
ส่วนนายจงรัก อายุ 61 ปี ผู้ชายที่ถูกเชียงข้องกล่าวหาว่าเป็นปอบ แล้วเอาไม้ง่ามหนีบคอลากตัวเข้าไปในวงสายสิญจน์ พร้อมกับด่าว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง ตามคลิปที่ปรากฏแล้วนั้น โดยนายจงรัก เล่าว่า ตนเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 8 ปี เป็น ส.อบต.3 สมัย เป็นรองประธานสภา 1 สมัย และเป็นประธานกองทุนเงินล้าน 2 สมัย ปัจจุบันเป็นไวยาวัจกรวัดศรีชมชื่น ตนเป็นคนบ้านนี้ ที่จำได้เมื่อ 20 ปีก่อนเคยมีการทำพิธีไล่ปอบมาแล้ว 1 ครั้ง กระทั่งเดือนตุลาคม 2567 ชาวบ้านตายผิดปกติหลายคน ชาวบ้านมีมติจับปอบอีก โดยชาวบ้านลงขันออกเงินช่วยครัวเรือนละ 200-300 บาท ได้เงิน 3 หมื่นกว่าบาทไปจ้างพระมาทำพิธี ซึ่งตนก็ลงขัน 300 บาทด้วยเช่นกัน
วันที่ 28 ตุลาคม 2567 ตนและภรรยาได้ไปนั่งดูพิธีจับปอบในวัดศรีชมชื่น หลังจากไปทำพิธีจับปอบกลับมา เซียงข้อง ก็ได้ชี้ผู้หญิงหน้าขาว ใส่แว่นตา นั่งดูพิธีว่าเป็นปอบ กินกระทั่งผัว ตนจึงถามว่าปอบหน้าตาเป็นอย่างไร เซียงข้องก็ตอบกลับมาว่าเป็นปอบเหมือนกับตน ชี้หน้าว่าตนเป็นปอบ ตนจึงเดินไปที่ปะรำพิธีถามพระสงฆ์ที่ประกอบพิธีไล่ปอบว่า “อาจารย์ครับ เขาว่าผมเป็นปอบ มันเป็นอย่างไร ถ้าผมเป็นจริง รักษาให้ผมด้วย” พอเซียงข้องได้ยิน ก็ตะคอกตนว่าไม่ต้องมาพูด จากนั้นก็เอาไม้คีบปลายเป็นข้องมาคีบบริเวณลำคอตน ลากเข้าไปในสายสิญจน์ และด่าทอว่าตนเป็นกาลีบ้าน กาลีเมือง อัปรีย์ จัญไร ตามคลิปที่ตนให้ภรรยาถ่ายไว้เลย
ซึ่งต้นเหตุการณ์ตนและภรรยาไม่ได้ถ่ายคลิปไว้ ตนหยิบมือถือมาถ่ายตอนไม้คีบคอ แต่เซียงข้องได้ปลัดมือถือตนจนตก แล้วผู้ใหญ่บ้านก็เอามือถือตนไปเลย พระสงฆ์ได้มาห้ามปรามว่า ทำแบบนี้ไม่ได้ ชาวบ้านต่างก็พากันออกไปตามจับปอบ แล้วมาดึงเซียงข้องออกจากตนไป ตนจึงนำคลิปเป็นหลักฐาน ไปแจ้งตำรวจดำเนินคดีกับเซียงข้อง เพราะหมิ่นประมาทและคุกคาม ละเมิดสิทธิ ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้เสียเสรีภาพ ตำรวจให้ไปตรวจร่างกาย เพราะโดนไม้คีบคออาจจะได้รับบาดเจ็บ ส่วนมีการอ้างว่า มีคนเมาที่มาทำลายพิธี ตนเห็นผู้ชายเมา มานั่งอยู่ด้านหลังตน เป็นชาวบ้านสร้างแป้น เมามากเมาประจำ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเลย
นายจงรัก เล่าต่อว่า ส่วนการทำพิธีเผาปอบตนไม่ได้อยู่ในพิธี ได้แต่ยินข่าวว่ามีคนเมาทำลายพิธี ปอบหนีไป ตนไม่ได้ไปทำลายพิธีเลย เพราะตนก็ลงขันเช่นเดียวกัน ได้เงินกว่า 3 หมื่นกว่า ไปจ้างพระสงฆ์มาทำพิธี ไล่ปอบ มีผู้ใหญ่บ้านและสามีเป็นคนจ้างหาพระมาทำพิธี ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการเป็นประธานในพิธี ตนจะดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาว่าตนเป็นปอบจนถึงที่สุด
- พระทักให้หันกล้อง ขนลุก “ผีมาขอส่วนบุญ” เชื่อวิญญาณหนุ่มเบญจเพส เพราะจำสีเสื้อได้!
- กระสือไทย vs แม่มดฝรั่ง ของเสื่อม-อาเพศ-ผิดผี ผ่านเลนส์ความเชื่อที่ผู้หญิงต้องรับจบ