ปลดแบน ธงชาติ ไม่ง่าย – พรก.ต้านโด๊ป บางมาตราไม่สากลอาจยังไม่ผ่าน วาดา

Home » ปลดแบน ธงชาติ ไม่ง่าย – พรก.ต้านโด๊ป บางมาตราไม่สากลอาจยังไม่ผ่าน วาดา


ปลดแบน ธงชาติ ไม่ง่าย – พรก.ต้านโด๊ป บางมาตราไม่สากลอาจยังไม่ผ่าน วาดา

วาดา – หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 พ.ศ.2564 ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ขั้นตอนต่อไปคือการนำเสนอทูลเกล้าฯ เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย พ.ร.ก. เพื่อบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

โดย “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยืนยันว่าจะเร่งทำหนังสือแจ้งไปยังองค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาด้า) ให้รับทราบถึงการแก้ไขปัญหา เพื่อให้สอดคล้องกับกฎของวาด้า และหวังว่า วาด้าปลดล็อกโทษแบนทันที โดยเฉพาะเรื่องของการห้ามใช้ ธงชาติไทย ให้ทันการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2022 ที่นครหางโจว ประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ระบุว่าว่า การแก้ไขพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 พ.ศ.2564 ยังมีบางประเด็นที่ วาดา อาจจะยังไม่ปลดล็อกไทยจากโทษแบน

โดยเฉพาะ มาตรา 29 ซึ่งแม้จะปรับแก้แล้ว ซึ่งระบุว่า การเข้าตรวจ “ให้กระทำระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก เว้นแต่มีเหตุอันควรสงสัยว่านักกีฬามีการใช้สารต้องห้าม หรือวิธีการต้องห้ามและหากปล่อยเนิ่นช้าจะกระทบต่อกระบวนการในการตรวจสอบ ให้เข้าไปตรวจหา สารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามในเวลากลางคืนก็ได้”. ต่างจาก ฉบับปี 2555 มาตรา 29 (1) ระบุว่า ให้ตรวจหลังพระอาทิตย์ตกไม่ได้

 

ข้อนี้แม้เราจะผ่อนผันให้เข้าตรวจได้เว้นแต่มีเหตุจำเป็น แต่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วาด้าต้องการให้เปลี่ยน และไม่เป็นไปตามกติกาสากลในวงการกีฬาโลกทำกันอยู่ ซึ่งใช้ระบบยึดตาม Athlete Whereabouts หรือการแจ้งที่อยู่ สถานที่ฝึกซ้อม วัน-เวลา ชัดเจนไว้ในแอปพลิเคชั่นของวาด้า นักกีฬาจะได้รับยูสเซอร์ และพาสเวิร์ด จากสหพันธ์กีฬานานาชาตินั้นๆ ซึ่งเจ้าที่หน้าวาด้าจะส่งทีมจู่โจมตรวจสารต้องห้ามโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพราะเคยมีกรณีว่า นักกีฬาบ่ายเบี่ยงอ้างว่าไม่ปวดปัสสาวะ และดึงเวลาจนพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งจะเป็นการทำให้ไม่สามารถตรวจได้ตามกฎหมายไทย เราไม่แก้ไขพระราชกำหนดฯ ให้เป็นไปตามกติกาสากลกีฬาโลกยึดถือปฏิบัติกันอยู่ด้วยการยึด Athlete Whereabouts

อีกมาตราจากฉบับแก้ไขที่อาจจะมีข้อสงสัย มาตรา 18 ที่ระบุว่า “ให้จัดตั้งสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาเป็นหน่วยงานในการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติงาน” คำถามคือ ของเดิมการทำงานของสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา อยู่ในโครงสร้างของ กกท. แล้ววาด้า ต้องการให้แยกเป็นองค์กรอิสระตัดขาดจากหน่วยงานรัฐขึ้นตรงกับวาด้าเหมือนที่ประเทศญี่ปุ่น และหลายๆ ชาติในยุโรปทำ แต่การแก้ไขมาตรานี้ ยังไม่ตรงกับความต้องการของวาด้าที่ต้องการให้ตัดขาดจากกันอย่างสิ้นเชิง

 

 

รายงานข่าวระบุต่อไปว่า หากการพิจารณาของวาด้าเรื่องการปลดโทษแบนของไทยไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังกันไว้ วาด้าก็จะยึดโทษแบนที่มีคำสั่งไว้เพราะคำสั่งแบน 1 ปีจะไปสิ้นสุดวันที่ 7 ตุลาคม 2565 นั่นหมายความว่า เราต้องกลับมาแก้ไขอีกรอบ เนื่องจากการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้ภาษากฎหมาย และควรคำนึงถึงผลประโยชน์วงการกีฬาไทยเป็นสำคัญก่อน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ