‘ปริญญ์’ชี้คดีที่อังกฤษจบนานแล้ว แจงโทร.หาแม่เหยื่อ แค่ขอโทษทำให้ไม่สบายใจ ไม่ได้หนีปัญหา เมื่อมีคนกล่าวหาก็ยินดีพบปะพูดคุย
เมื่อวันที่ 14 เม.ย.65ที่พรรประชาธิปัตย์ นายปริญญ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กล่าวหามีรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ มีพ่อดังระดับโลก ลวนลามหญิงสาวที่มาปรึกษาความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ว่า
ตนรู้สึกช็อกและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโซเชียลฯ และยืนยันความบริสุทธิ์ใจ เพราะหลายข้อกล่าวหาทั้งหมด ตนปฏิเสธและไม่ใช่เรื่องจริง หลายคนที่รู้จักตนก็รู้ว่าตนไม่ใช่คนอย่างนั้น ซึ่งตนเชื่อมั่นใจความบริสุทธิ์ใจนี้ ถึงแม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะเป็นข้อกล่าหาที่เกี่ยวกับตนโดยตรงในโซเชียลฯ แต่กับการทำงานในหน้าที่ภารกิจของประชาธิปัตย์ ที่ตนมีตำแหน่งอยู่
“ผมรู้สึกต้องรับผิดชอบกับการทำงาน ซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์การทำงานของผม จึงตัดสินใจแสดงความรับผิดชอบ ที่ผมคิดว่าใช้เวลาที่ผมมีอยู่ตอนนี้และอนาคต เพื่อเข้าสู่กระบวนการการยุติธรรม และพร้อมเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่ในเรื่องความบริสุทธ์ของผม และไม่อยากให้กระทบงานของพรรค ผมจึงขอลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่วันนี้ เพื่อเข้าสู้กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์ความจริง”นายปริญญ์ กล่าว
เมื่อถามถึงข้อกล่าวหาล่าสุดระบุว่ามีเหยื่อนับสิบรายที่ถูกข่มขืนด้วยตรงนี้จะต่อสู้หรือฟ้องกลับอย่างไร นายปริญญ์ กล่าวว่า ยืนยันอย่างที่พูดว่าช็อกและตกใจจริงๆ จากใจจริงๆ ไม่คิดว่าจะโดนข้อกล่าวหาอย่างนี้ เพราะตนไม่ใช่คนอย่างนั้น และเป็นเรื่องที่ไม่จริง ดังนั้นตนยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อที่จะได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ นายศุภชัย พนิชภักดิ์ คุณพ่อว่าอย่าไรบ้าง เพราะเป็นคนมีชื่อเสียง นายปริญญ์ กล่าวว่า คุณพ่อคุณแม่ ทุกคนก็รักลูกตัวเอง เป็นห่วงเป็นใยอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ตนต้องไปชี้แจง และจริงๆแล้วหลายอย่างตนคงขอไปชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงดีกว่า ส่วนการฟ้องกลับนายษิทราหรือไม่นั้น ไม่อยากมองเรื่องฟ้องกลับหรืออะไรตอนนี้ ถ้าใครไปแจ้งความเท็จหรือไปทำอะไรที่ผิดไว้อนาคตก็ต้องเห็นกัน แต่คิดว่าสำคัญที่สุดคือให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำงานดีกว่า ตอนนี้ถ้าเล่ารายละเอียดจะไปกระทบผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นถ้าตนพูดกับเจ้าหน้าที่โดยตรก็เป็นสิ่งดีที่สุดและเป็นธรรมที่สุด ตนเชื่อว่าอาจใช้เวลา แต่ว่าเวลาก็จะพิสูจน์ความเป็นธรรม พิสูจน์ความจริงได้
เมื่อถามว่ามองเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ นายปริญญ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะพูดว่าไปเกี่ยวกับเรื่องอะไรหรืออย่างไร แค่คิดว่าสิ่งที่โดนกล่าวหาไม่ใช่ความจริงและตนก็พร้อมพิสูจน์ พร้อมที่จะตอบรายละเอียดความจริงในทุกข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น
ต่อข้อถามว่ารู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือไม่ นายปริญญ์ กล่าวว่า ทุกเรื่องอนุญาตจริงๆ เพราะคิดว่าเป็นธรรมที่สุดกับทุกฝ่ายและจะเกิดความเป็นธรรมขึ้น ถ้าตนให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมากับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจริงๆ
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ผู้ใหญ่ในพรรคว่าอย่างไรบ้าง นายปริญญ์ กล่าวว่า ผู้ใหญ่ในพรรคปล่อยให้ตนติดสินใจเต็มที่ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ ก็ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร ท่านเคารพการตัดสินใจของตน ที่จริงตนจะชี้แจงให้สื่อทราบตั้งแต่เมื่อคืน (13 เม.ย.) แต่เป็นช่วงวันสงกรานต์ วันนี้ (14 เม.ย.) ถือว่าตนได้พูดความในใจอย่างเต็มที่ และตนก็ต้องรับผิดชอบในหน้าที่การงานของตน หากถามว่ายังอยากช่วยพรรค อยากทำงานเพื่อสังคมหรือไม่ ก็ยังอยากทำอยู่ แต่ในเมื่อมีเรื่องมากล่าวหา ซึ่งตนปฏิเสธว่าไม่ช่เรื่องจริง แต่กระทบกับภาพลักษณ์ กระทบกับการทำงาน ตนจึงต้องรับผิดชอบ และมาเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจนก่อน ซึ่งผู้ใหญ่ก็รับทราบในการตัดสินใจของผมที่ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง
“ผมตัดสินใจลาออกเอง ความจริงตัดสินใจตั้งแต่เมื่อวาน(13 เม.ย.)แล้ว เพราะรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบในเชิงภาพลักษณ์ แม้ความเป็นจริงเรารู้ว่าเราไม่ได้กระทำตามข้อกล่าวหา แต่ไม่อยากให้กระทบภาพลักษณ์ กระทบการทำงานสำคัญของพรรค และหากชี้แจงได้จะกลับมาสู้การเมืองอีกหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของอนาคต เพราะที่ผ่านมาตนเองก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่”นายปริญญ์ กล่าว
เมื่อถามว่าถ้าไม่ได้ทำจริงๆ ทำไมถึงต้องโทร.หาแม่ผู้เสียหาย นายปริญญ์ กล่าวว่า การที่คุยกับแม่ผู้เสียหาย ก็เพื่อทำความเข้าใจกัน เป็นการแสดงเจตนาบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่ได้ทำอะไร และไม่ได้หนีไปไหน และจะขอโทษทำให้ให้คุณแม่ไม่สบายใจ ให้คุยกันได้ ให้เจอกันได้ และตนไม่ได้หนีปัญหา เมื่อมีคนมากล่าวหาตนก็ยินดีพบปะพูดคุย ว่าเกิดอะไรขึ้นถ้าต้องการจะพูดคุย ตนถึงบอกว่ารู้สึกตกใจที่เห็นโซเชียลฯ เพราะตนไม่มีอะไรต้องซ่อน
ผู้สื่อข่าวพยายามถามอีกว่าทำไมจะต้องมีการนัดน้องที่เป็นผู้เสียหายไปเจอที่โรงแรม นายปริญญ์ กล่าวว่า ไม่ใช่โรงแรม แต่เป็นร้านอาหารแบบเปิด มีคนแน่นร้าน และเป็นเวลาประมาณ 17.00 น. และไม่ได้เจอกันสองต่อสอง ช่วงเวลานั้นคนเยอะมากทั้งร้าน ทั้งนี้เชื่อว่าความจริงจะปรากฏเมื่อตนได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนรายละเอียดถ้าพูดออกไปตอนนี้ก็จะไม่เป็นผลดีกับตนเองและผู้เสียหาย
ส่วนที่น้องได้ขอความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์จริงหรือไม่นั้น นายปริญญ์ กล่าวว่า ได้มาขอความรู้หลายเรื่องเลย แต่ข้อกล่าวหาไม่ใช่ความจริง
ก่อนที่นายปริญญ์จะยกมือไหว้กับสื่อมวลชน พร้อมกล่าวต่อว่าว่ารายละเอียดนั้นขอความกรุณาให้ตนเองไปชี้แจงกับพนักงานสอบสวน และเชื่อว่าความจริงจะปรากฎเมื่อตนได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการให้สัมภาษณ์ นายปริญญ์ได้ยกมือไหว้นักข่าวเป็นระยะๆ เมื่อถูกถามย้ำถึงรายละเอียดของรูปคดี ส่วนที่นายษิทรามีการพูดถึงคดีที่อังกฤษนั้น นายปริญญ์ ชี้แจงว่า คดีนั้นจบไปนานแล้วและไม่ได้มีอะไรที่มากระทบกับคดีนี้