‘ประวิตร’ ลุยสระแก้ว ตรวจศูนย์กักกันแรงงานต่างด้าว สั่งคุมเข้มชายแดน บังคับใช้กฎหมายจริงจัง ทั้งลักลอบเข้าเมือง-คนนำพา สกัดขบวนการค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565 ที่ห้องประชุม โรงแรมอินโดจีน แกรนด์ เรสซิเดนท์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ ศูนย์กักกันที่รัฐกำหนด ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยรับฟังสถานการณ์ด้านความมั่นคง การดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งภาพรวมในสถานการณ์โควิด-19 พื้นที่ จ.สระแก้ว ซึ่งมีคนไทยเดินทางกลับผ่านแดนบ้านคลองลึก ช่วงเดือนเม.ย.-ธ.ค. 2564 จำนวน 5,011 คน จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย วันที่ 1-31 ม.ค.65 จำนวน 1,088 คน มีผู้นำพา 12 คน และมีการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 497 คน เป็นต้น
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จังหวัดสระแก้วสามารถควบคุมสถานการณ์ให้สงบได้ภายใน 21-28 วัน และประชากรร้อยละ 70 ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ขณะที่ความพร้อมในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยู โดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้จัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างทั่วประเทศ จำนวน 5 ศูนย์ เพื่อการนำแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ได้แก่ ศูนย์ จ.สระแก้ว รับสัญชาติกัมพูชา, ศูนย์ จ.ระนอง รับสัญชาติเมียนมา, ศูนย์ จ.ตาก รับสัญชาติเมียนมา, ศูนย์ จ.มุกดาหาร รับสัญชาติลาว และศูนย์ จ.หนองคาย รับสัญชาติลาว
สำหรับศูนย์ จ.สระแก้ว แห่งนี้มีการเปิดดำเนินการแล้ว ตั้งแต่ 1 ก.พ. 2565 มี 6 ขั้นตอน เริ่มจากช่องทางเข้าผ่านแดนการคัดกรองโรคเบื้องต้น และออกเอกสารกักตัว ต่อด้วยจุดตรวจลงตรา(วีซ่า) จุดตรวจสัมภาระ จุดตรวจสิ่งผิดกฎหมาย และรับแรงงานไปยังสถานที่กักตัว ซึ่งเป็นสถานที่กักกันในรูปแบบองค์กร จำนวน 6 แห่ง มีทั้งหมด 1,008 เตียง
พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายให้หน่วยงานเกี่ยวข้องว่า ต้องมีมาตรการเข้มงวด และการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเข้าเมืองและผู้นำพาอย่างจริงจัง เพราะอาจเชื่อมโยงการค้ามนุษย์ และการนำเข้าแรงงานต่างด้าวจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ของสาธารณสุขจังหวัดทุกขั้นตอน ทั้งนี้ขอให้ปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าวด้วยหลักสิทธิมนุษยชน คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านเป็นสำคัญ