“บิ๊กเปีย” สั่งระดมกวาดล้างยาเสพติด รวบ 2 เอเย่นต์ใหญ่ ยึดทรัพย์กว่า 20 ล้าน
วันที่ 28 ม.ค.65 ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องดําเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ความสําคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปราม แหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล
ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป) ได้นํานโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของสํานักงาน ตํารวจแห่งชาติ และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่
ตํารวจภูธรภาค 3 โดย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.กม) /ผอ.ศอ.ปส.ภ.3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้า ยาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ระดมกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การสกัดกั้นการลําเลียง ยาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นใน และดําเนินการปิดล้อมตรวจค้น และการทําลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ ดําเนินการสืบสวนจบั กุมขยายผลเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดให้ได้ผลอย่างต่อเนื่องและ จริงจัง
โดยรายแรกจับกุมเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช ผบก.ภ.จว.อํานาจเจริญ พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 บช.ปส. และสํานักงาน ปปส.ภาค 3 โดย นายสมบัติ ปุณณโอภาส รกน.ผชช.ปปส.ภ.3 สั่งการให้ชุดปฏิบัติการประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.ภ.จว.อํานาจเจริญ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 สภ.ชานุมาน สภ.ภูเขียว กก.สส.ภ.จ.ชัยภูมิ กก.2 บก.ปส.2 บช.ปส. กก.สส.ภ.จ. อํานาจเจริญ และเจ้าหน้าที่จาก สํานักงาน ปปส.ภาค 3 ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา คือ
น.ส.กนกวรรณ หรือมด ขวัญเกษม อายุ 30 ปี พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ซึ่งเป็นการจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดอํานาจเจริญ ซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ร่วมกันจําหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมท แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทําโดยหัวหน้าผู้มีหน้าที่สั่งการ หรือการทําให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นของศาลจังหวัดภูเขียวตามหมายค้น เข้าทําการตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าวพบผู้ต้องหาจึงได้แสดงหมายจับ และแสดงหมายค้น ยึดของกลางและได้ตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ จํานวน 68 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 12,904,500 บาท
รายที่สอง พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ พ.ต.อ.พิชิต มีแสง รอง ผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ สั่งการให้ ชป.ปส.ภ.จว.ชัยภูมิ นําโดย พ.ต.อ.นิธิศ จารุกมลกุล ผกก.สอบสวน ฯ /หน.ชุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา นายพีระพงษ์ หรือหนึ่ง อุทธากิจ ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเขียว โดยกล่าวหาว่ากระทําความผิดฐาน “สมคบโดยการ ตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทําความผิดเก่ยีวกับ ยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน สนับสนุน หรือช่วยเหลือก่อนหรือขณะกระทําความผิดในความผิดร้ายแรง เกี่ยวกับยาเสพติดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 9/66 หมู่บ้านเบสโฮม ม.7 ต.แดงใหญ่ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น และได้ตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ จํานวน 12 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 11,730,000 บาท
สืบเนื่องมาจากการจับกุม นายสุริยา เดชประกอบ อายุ 34 ปี เมื่อวันที่ 3 ก.พ.64 เวลาประมาณ 14.00 น. ที่กลางสวนยางพารา บ้านร่องแว่ ม.2 ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พร้อมของกลางยาบ้า 42,005 เม็ด ในพื้นที่ สภ.ห้วยยาง จากการสืบสวนขยายผลทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเครือข่ายเดียวกัน
โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนรู้จักและสนิทกันเมื่อครั้งเคยเป็นทหารเกณฑ์ด้วยกัน โดย นายสุริยา มีพฤติการณ์จําหน่ายยาบ้าให้กับวัยรุ่นที่บริเวณบ้านกลางสวนยางพารา บ้านร่องแว่ ตําบลทุ่งลุยลาย อําเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นบ้านของ นายสุริยา และยังเป็นคนเก็บซุกซ่อนรวมถึงจําหน่ายยาบ้าให้ นายพีระพงษ์ ที่มีภูมิลําเนาเดิมเป็นคนบ้านร่องแว่ ตําบลทุ่งลุยลาย อําเภอคอนสาร ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านเบสโฮม หมู่ 7 ตําบลแดงใหญ่ อําเภอเมืองขอนแก่น โดยจะเดินทางไปมากลับบ้านเกิดเป็นประจํา
ตํารวจภูธรภาค 3 จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่ง ในการแจ้งเบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัย สถานประกอบการฯ ในการกระทําผิด โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599 สายด่วน 191 และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อดําเนินการปราบปราม จับกุม ดําเนินคดี ผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป