บิ๊กป๊อก ตอบกระทู้ส.ว.ควบคุมอาวุธปืนก่ออาชญากรรม จ่อแก้กฎหมายขอใบอนุญาต มีใบรับรองแพทย์-บุคคลรับรอง ทบทวนการขอ 3-5 ปี พร้อมนำปืนเถื่อนเข้าระบบ เพิ่มโทษหนัก
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 พ.ย. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามของ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. เรื่องการก่อเหตุอาชญากรรมร้ายแรงหลายกรณีด้วยอาวุธปืน
โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า มาตรการควบคุมอาวุธปืนนั้น ตามกฎหมายต้องทำเรื่องขอซื้อกับเจ้าหน้าที่นายทะเบียน ซึ่งจะถูกตรวจสอบคุณสมบัติผู้ครอบครองว่ามีความครบถ้วนหรือไม่ เช่น ไม่ต้องโทษจำคุกตามกฎหมายอาญา เป็นบุคคลบรรลุนิติภาวะ ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ ไม่มีการประพฤติชั่วร้ายแรง
“ผมมีแนวคิดที่จะปฏิบัติให้รัดกุมมากขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น ต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ใช่คนที่มีสติฟั่นเฟือน นอกจากนั้น อาจต้องมีการรับรองพฤติกรรมโดยบุคคล เช่น นายจ้าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บังคับบัญชา และต้องมีการตรวจสอบเป็นระยะๆ เช่น 3-5 ปี เพราะคนที่ขออนุญาตซื้อและใช้อาวุธปืนนั้น นานวันอาจจะเปลี่ยนไป เพราะยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด อบายมุข ดื่มสุรา ขาดสติ ดังนั้นการขออนุญาตครั้งเดียวพิสูจน์ไม่ได้ จึงต้องมีการรับรองโดยบุคคล” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า สถิติการก่อเหตุอาชญากรรมจากอาวุธปืน ปี 65 พบว่าเป็นปืนที่ไม่จดทะเบียนถึง 98.53% ดังนั้น ต้องเร่งแก้ปัญหาปืนเถื่อน อาทิ ปืนไทยประดิษฐ์ ปืนดัดแปลง ที่ถูกนำไปก่ออาชญากรรมมาก โดยพุ่งเป้าการแก้ปัญหาด้วยการนำปืนเถื่อนเข้าระบบ อาจจะออกกฎหมายให้นำมาคืนเหมือนที่เคยปฏิบัติ เช่น ให้นำมาคืนโดยไม่มีความผิด หากสามารถจดทะเบียนได้จะอนุญาตให้ขึ้นทะเบียน
รมว.มหาดไทย กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันต้องปรับปรุงบทลงโทษ รวมถึงตรวจสอบการขายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์ ตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ หากไม่มีใบอนุญาต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อยู่ระหว่างการดำเนินการ
“ถ้าไม่มีโทษที่แรงพอ คนจะไม่ให้ความสำคัญ ดังนั้น ต้องแรงกว่านี้ ปัจจุบันมีโทษปรับ 2,000-20,000 บาท จำคุก 1-10 ปี ต้องเพิ่มโทษให้แรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้า เพราะเป็นคดีอาญา มีการลงโทษรุนแรง ส่วนคนที่พกปืนไปในสถานที่ต่างๆ นั้น ตามกฎหมายต้องได้รับอนุญาต ซึ่งการจะให้ใบพกปืนไปสถานที่ต่างๆ นั้นยากมาก หากพกปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้มงวดดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือใคร” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว