บิ๊กตู่ หารือมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เคาะ รีดค่ากลั่นน้ำมันเข้ากองทุน-ลดเบนซิน 1 บาท ชงเข้าครม.สัปดาห์หน้า
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 16 มิ.ย. 2565 ที่ห้องสีเขียว ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน อันเนื่องมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง นายดิตทัศ โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นายคมกฤช ตัณตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการเศรษฐกิจการคลัง นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้
โดยนายกฯ ระบุว่า จะเป็นการพิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชน ในช่วงที่ราคาสินค้าหลายหมวดมีการทยอยปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยด้านพลังงานเชื้อเพลิง ตลอดจนวัตถุดิบตั้งต้นของสินค้าบริโภคมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น จนผู้ประกอบการหลายรายการชนิดสินค้า ได้เรียกร้องขอต่อรัฐบาลในการปรับราคาสินค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง การพูดคุยในครั้งนี้จะพิจารณาถึงมาตรการที่ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจเตรียมนำมาเสนอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมจะดำเนินการตามมาตรการที่เสนอมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากนั้นเวลา 17.00 น. นายดนุชา และนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ร่วมกันแถลงมติที่ประชุมว่า เห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการช่วยเหลือประชาชนบางส่วน ที่ใกล้หมดอายุในเดือนมิ.ย.นี้ ออกไปอีก 3 เดือน ไปจนถึงเดือนก.ย. เช่น มาตรการส่วนลด NGV สำหรับแท็กซี่ และส่วนลด LPG สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
“ส่วนมาตรการที่เพิ่มขึ้นใหม่ คือ การขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ให้นำส่งกำไรส่วนหนึ่งจากการกลั่นน้ำมัน เข้าสู่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล คาดว่าจะจัดเก็บได้ประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อเดือน ส่วนการจัดเก็บค่าการกลั่นน้ำมันเบนซิน คาดว่าจะได้ 1 พันล้านบาทต่อเดือน ส่วนนี้จะนำมาลดราคาน้ำมันเบนซินให้กับผู้ใช้ทันที คาดว่าจะลดลงลิตรละ 1 บาทจากราคาปัจจุบัน นอกจากนี้จะขอความร่วมมือโรงแยกก๊าซ แบ่งกำไรส่วนเกิน 50% เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเช่นกัน น่าจะจัดเก็บได้ 1,500 ล้านบาทต่อเดือน” นายดนุชา กล่าว
นายดนุชา กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยว นอกเหนือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่รอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะเสนอให้บริษัทเอกชน ที่นำพนักงานไปท่องเที่ยวในเมืองรอง สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ส่วนในเมืองหลักสามารถลดหย่อนได้ 1.5 เท่า ขณะที่การจัดงานอีเวนต์ในต่างจังหวัด นิติบุคคลจะสามารถลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ระหว่างวันที่ 15 ก.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2565 และยังมีมาตรการที่จะขอให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน ซึ่งจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้า ในวันที่ 21 มิ.ย.