ประยุทธ์ บวงสรวงสังเวย ศาลหลักเมือง ครบรอบ 241 ปี ทั้งพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ วิจารณ์สนั่น ไม่หมู หลังปักธูปหางเครื่องบวงสรวง หัวหมู ไม่ลงต้องปักถึง 4 ครั้ง
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 21 เม.ย.2566 ที่ศาลเมืองกรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก เป็นประธานในการประกอบพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองและพิธีสงฆ์ รวมทั้งพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ประจำปี 2566 ครบรอบ 241 ปี
โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม, พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พร้อมด้วย คุณพัณณ์ชิตา นันทิภาคย์หิรัญ
นายกสมาคมแม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ผู้บริหารระดับสูงขององค์การฯ และอุปนายกสมาคมฯ เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี
โดยได้นิมนต์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป ประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ
นายกรัฐมนตรี เข้าสักการะพระพุทธรูปบนหอพระพุทธรูป และถวายพวงมาลัย พร้อมใส่บาตรประจำวันเกิด จากนั้นทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง ภายในอาคารศาลหลักเมือง พร้อมถวายผ้าตาดและถวายพวงมาลัย ก่อนที่จะทำพิธีสักการะเทพารักษ์ทั้ง 5 บนอาคารเทพารักษ์
จากนั้น เติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด (วันเสาร์) ครึ่งเหยือกและเติมที่ตะเกียงสะเดาะเคราะห์ครึ่งเหยือกที่เหลือ จากนั้นนายกรัฐมนตรี จุดธูปเทียนบนโต๊ะบวงสรวง ปักธูปหางที่เครื่องบวงสรวง ก่อนที่โหรหลวงอ่านโองการบวงสรวงองค์พระหลักเมือง
สำหรับศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร เป็นปูชนียสถานสาคัญอันศักด์สิทธิ์ของประเทศไทย เป็นที่ประดิษฐานของพระหลักเมืองและเทพารักษ์ทั้ง 5 ที่ปกปักรักษาพระนครและประเทศชาติให้มีเอกราช เจริญรุ่งเรือง และยังมีหอพระที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดให้ประชาชนได้มาสักการะบูชา
ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศนำดอกไม้ ธูปเทียนตลอดจนเครื่องบวงสรวงสังเวยไปสักการะบูชา และบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่สถิตอยู่ในศาลหลักเมือง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนทั่วประเทศ จึงนับได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้ นอกจากจะมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นศูนย์รวมของประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติที่เลื่อมใสศรัทธาอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปักธูปหางเครื่องบวงสรวงถึงบริเวณหัวหมู พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปักธูปลงได้ในครั้งแรกและต้องพยายามปักถึง 4 ครั้ง โดยครั้งสุดท้าย ต้องเปลี่ยนปักธูปหางในหูหมูซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนที่สุดธูปแทน ถึงสามารปักธูปลง ทำให้ผู้ที่ร่วมพิธีหลายคน รวมทั้งสื่อมวลชน วิพากษ์วิจารณ์ตามความเชื่อว่าทำอะไรคงไม่หมู
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลาราชการตลอดทั้งวันเพื่อเดินทางลงพื้นที่หาเสียงที่จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรค เดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์โดยเที่ยวบินขาไปสายการบินแอร์เอเชีย และเที่ยวบินขากลับสายการบินไทยสมายล์
โดยจะออกเดินทางในเวลา 10.00 น. จากท่าอากาศยานดอนเมือง ถึงเชียงใหม่ เวลาประมาณ 12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่เวลา 15.00 น. เดินทางไปยัง อ.ม่อนแจ่ม เพื่อพบปะประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ จากนั้นเวลา 17.00 น. เดินทางไปพบปะประชาชนที่ตลาดนัดศรีบุญเรือง (แม่ริม) หลังเสร็จสิ้นภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์จะรับประทานอาหารค่ำ และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ถึงเวลาประมาณ 22.30 น.
ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นของ ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ นอกจากนี้ จ.เชียงใหม่ ยังมีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ได้แก่ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ เขต 4 นายโสภณ โกชุม เขต 6 และ นายสันติ ตันสุหัช เขต 7