ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่เห็นชอบกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เสนอแผนงานการจัดทำโปรแกรมการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบออนไลน์ และการรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ
เพราะไม่เชื่อว่าระบบที่จัดทำขึ้นจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ในอดีต ที่ทำให้การรายงานผลการเลือกตั้งคลาดเคลื่อนได้ อีกทั้งหากเกิดปัญหาขึ้น ก็จะเป็นสิ่งที่มัดตัวกกต.ได้
ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งจากพรรคการเมือง นักวิชาการ และประชาชนทั่วไปว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ กกต.มีความพร้อมและจะจัดการเลือกตั้งจริงหรือไม่
ล่าสุด เตรียมขออนุมัติงบประมาณสำหรับการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเป็นเงินถึง 5 พันล้านบาท จึงน่าสงสัยศักยภาพบริหารจัดการคุ้มกับรายจ่ายมากน้อยเพียงใด
เรื่องนี้ เลขาธิการกกต.ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่าสำนักงานกกต.แจ้งต่อ กกต.แล้วว่าจะจัดทำรายงานผลคะแนนเหมือนเดิม โดยเน้นความถูกต้อง รวดเร็ว ความโปร่งใส และตรวจสอบได้
หลังปิดหีบเลือกตั้งเวลา 17.00 น. ก็จะเริ่มกระบวนการนับคะแนนด้วยการเช็กบัตรเลือกตั้งกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มาลงคะแนนตรงกันหรือไม่ จากนั้นก็เริ่มนับคะแนน เวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการก็จะปรากฏ
ในวันหย่อนบัตรเลือกตั้งใหญ่ ทั่วประเทศย่อมมีความสนใจและใจจดจ่อกับผลการเลือกตั้ง การไม่รายงานผลคะแนนเลยถือว่าขัดธรรมชาติ ข้ออ้างว่าความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นจะเป็นความผิดมัดตัว จึงเป็นการหวาดกลัวที่เกินเหตุ
กกต.จะต้องหาวิธีรณรงค์ทุกรูปแบบ เพื่อจูงใจและกระตุ้นให้ประชาชนอกมา ใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้อง เข้มงวดเด็ดขาดกับการละเมิดกฎหมาย การ เอารัดเอาเปรียบ และการซื้อสิทธิ์ ขายเสียงทุกรูปแบบ
ในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ประกาศเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ลงนามโดย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง
ข้อ 168 ระบุชัดเจนว่าให้สำนักงานจัดให้มีแอพพลิเคชั่น รายงานผลอย่างไม่เป็นทางการบนโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความโปร่งใสในการนับคะแนน เพื่อให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ
ถึงแม้ กกต.จะไม่เห็นชอบให้สำนักงานกกต.ดำเนินการ แต่หน่วยงานอื่น สื่อสารมวลชน ตลอดจนพรรคการเมือง ก็รวบรวมจัดทำกันเอง เพื่อรายงานผลต่อสาธารณะอยู่แล้ว
แต่การที่กกต.จะมีมติไม่ให้จัดทำระบบดังกล่าว อาจถือได้ว่าเป็นการมีมติที่มิชอบ ขัดต่อระเบียบที่เคยประกาศไว้ ซึ่งอาจนำไปสู่การร้องเรียนและดำเนินการทางกฎหมายได้ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะไม่ปฏิบัติตาม