ขั้นตอนหลังจากการจัดเลือกตั้งทั่วไปเสร็จสิ้นลงหลังปิดหีบและนับคะแนน ณ หน่วยเลือกตั้ง ทั้ง 400 เขตในวันเลือกตั้งทั่วไป
กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องตรวจสอบและประกาศผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่า 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
ดังนั้นในช่วงระยะเวลานี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อรวบรวมคะแนนของผู้สมัคร จำนวนผู้ใช้สิทธิ์ บัตรเลือกตั้งทั้งบัตรดี บัตรเสีย ตลอดจนความเรียบร้อยต่างๆ
เพื่อนำไปสู่การประกาศผลสำหรับผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละเขต จากนั้นจะนำไปสู่การรับรองผล และไม่รับรองผลได้หรือไม่ได้
ระหว่างนี้ จึงถือว่าอยู่ในกระบวนการสำคัญที่จะตรวจสอบการเลือกตั้งในเขตต่างๆ ว่าการลงคะแนนเสียงที่ผ่านมานั้น เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมโปร่งใสหรือไม่
หากมีเหตุที่อาจสงสัยได้ว่าส่อไปในทางไม่สุจริตหรือมีการยื่นร้องคัดค้าน ก็จะมีกระบวนการสอบสวน และเรียกหาพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาเพื่อชี้ขาด
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ยังไม่ปรากฏว่ามีผู้สมัครรายใดถูกเพิกถอนสิทธิ์การรับสมัคร อันเนื่องมาจากการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งก่อนวันลงคะแนนเสียงแต่อย่างใด
แต่หลังจากนี้ ก็คงจะมีเรื่องร้องเรียนคัดค้านทยอยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องรับเรื่องไว้พิจารณาตามระเบียบ เพื่อนำไปสู่กระบวนการวินิจฉัยที่ลงลึกในรายละเอียด
ด้วยสาเหตุดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงต้องใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม พิจารณาสอบสวนและแสวงหาหลักฐานอย่างรอบด้าน โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เพราะช่วงเวลาของการได้เสียระหว่างนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นยื่นร้องเรียนเพื่อประวิงเวลา ให้การประกาศรับรองผลล่าช้าออกไป ด้วยกลเกมการเมืองที่แยบยลก็เป็นได้ ซึ่งจะต้องรู้เท่าทัน
ภายในระยะเวลา 60 วันนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งอาจพิจารณาคำร้องต่างๆ ได้ไม่ทันทั้งหมด เพราะหลักฐานต่างๆ อาจไม่เพียงพอ แต่ก็มีช่องให้รับรองไปก่อนแล้วพิจารณาชี้ขาดในภายหลังได้
โดยเมื่อพิจารณาครบร้อยละ 95 ของเขตเลือกตั้งทั้งหมดแล้ว ก็ให้ประกาศรับรองผลเพื่อนำไปสู่การเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกภายใน 15 วันตามขั้นตอน