อีกครั้ง ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน
มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรต่อไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงเดือนกันยายน 2565
อ้างว่าเพื่อดำรงคงไว้ซึ่งบรรดามาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แบบบูรณาการให้มีความเป็นเอกภาพในการบังคับใช้เป็นการทั่วไปทั้งประเทศ
เป็นการขยายอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 19 ตั้งแต่ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2563
ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า แม้ว่ารัฐบาลอ้างมาโดยตลอดว่ากฎหมายพิเศษฉบับนี้ประกาศใช้เพื่อการควบคุมโรคเท่านั้น ไม่ได้ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนแต่อย่างใด
แต่ในความเป็นจริง กลไกของรัฐมักใช้เป็นเครื่องมือควบคุมและขัดขวางการเคลื่อนไหวเรียกร้องของประชาชนอย่างเอาจริงเอาจัง
มีผู้ถูกจับกุมและดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การประกาศใช้วันแรกจนถึงปัจจุบันจำนวนนับพันคดี ซึ่งมีเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปีรวมอยู่ด้วย
อันเป็นการกระทำและพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับคำกล่าวอ้างโดยสิ้นเชิง
ในครั้งนี้ก็เช่นกัน นายกรัฐมนตรียังยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ต้องการใช้กฎหมายนี้เพื่อเอาผิดและลิดรอนสิทธิเสรีภาพใคร แต่ในความเป็นจริงยังเป็นที่สงสัย
เนื่องจากที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มักคุ้นชินกับการใช้กฎหมายพิเศษกำราบผู้เห็นต่างมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ก่อการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557
บรรดาประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44 ก็ล้วนแต่เอื้อประโยชน์และอำนาจให้ตนเองทั้งสิ้น
ถ้าหากต้องการแสดงความจริงใจว่าไม่ได้ใช้เพื่อสนับสนุนอำนาจของรัฐบาลจริง ก็ต้องนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทั้งหมดพ้นผิดโดยเร็วและทันที