นุสบา ปุณณกันต์ นักแสดงตัวแม่ ที่วันนี้ขอควงลูกชายคนเล็ก กันต์ ปุณณกันต์ วัย 17 ปี มาเปิดตัวครั้งแรกกับความหล่อระดับพรีเมียม เม้าท์วีรกรรมสุดแสบที่แม่นุสถึงกับกุมขมับ! และเปิดเผยโมเมนต์พี่น้อง น้องปุณณ์และน้องกันต์ ที่รักกันแบบสุดๆ จนแม่อดปลื้มไม่ได้ พร้อมเล่าเหตุการณ์สุดช็อกสูญเสียคุณพ่อกะทันหันในอ้อมกอดตัวเอง จนทำให้ชีวิตไขว้เขวเลิกรับงานละคร 2 ปี ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร
พี่นุสรู้สึกยังไงบ้างมีลูกชายหล่อทั้งคู่เลย ?
นุสบา : มันเร็วมากเลย เรายังเพิ่งเห็นเขากลมๆอยู่เลย แล้วอยู่ดีๆวันหนึ่งโครงหน้าเริ่มเป็นหนุ่มขึ้น จมูกเริ่มโด่ง รูปร่างเริ่มเปลี่ยนไป จนวันนี้ยังเรียกเขาไอ้อ้วนอยู่เลย ตอนเด็กๆเขาจะจ้ำม่ำ มีอยู่ช่วงนึงเขาจะกินเยอะมาก ไอติม 10 ถ้วย โดนัท 10 ก้อน นั่งกินอยู่บนเตียง แล้วพี่ก็ชอบกอด เราเป็นคนชอบเด็กมีเนื้อมีหนัง
สมัยน้องกันต์เด็กๆ โดนเรียกว่าอ้วนรู้สึกยังไงบ้าง ?
กันต์ : ผมเป็นเด็กก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไร
ไม่ใช่แค่ความหล่ออย่างเดียว นิสัยก็เปลี่ยนอีก ?
นุสบา : เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เขาจะชอบแกล้งมาก เขาจะแตกต่างจากน้องปุณณ์คนโต น้องปุณณ์พูดอะไรเขาก็จะยอมตั้งแต่เด็ก แต่คนนี้ตรงกันข้ามเป็นเวอร์ชั่นนึงเลย เมื่อก่อนเราทำงานด้วยกันถ่ายโฆษณาตั้งแต่เขา 3 ขวบ น้องปุณณ์ก็เหมือนกัน คนนั้นให้ทำอะไรก็ทำตาม น้องกันต์เวลาอยู่ในสตูฯ เห็นนุสเข้ามาแกล้งร้องไห้ แกล้งทำให้เละทุกอย่าง แต่เขาคงจำไม่ได้เพราะแค่ 3-4 ขวบ แต่เมื่อไหร่นุสออกไปจากห้องผู้กำกับสั่งให้ทำอะไรก็ทำ เหมือนกับแกล้งให้เราเสียหน้า คุณคอนโทรลลูกไม่ได้เลยเหรอ อันนี้เป็นความตลกของเขาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ชอบแกล้งเราอย่างเราอยากให้เขาถ่ายรูปให้ ส่งมือถือให้ก็ถ่ายไป 10 มุม 10 ภาพ ก็เช็ครูปเป็นยังไงปรากฎมีแต่รูปตัวเองแลบลิ้นปลิ้นตาคือกดถ่ายแบบเซลฟี่ ทำเหมือนว่าถ่ายเสร็จแล้ว
น้องกันต์จำได้มั้ยแกล้งแม่แบบนั้น ?
กันต์ : ก็จำได้ครับ ผมยังแกล้งถึงวันนี้เลย
ชี้แจงหน่อยทำไมทำอย่างนั้น ?
กันต์ : บางทีคุณแม่โพสต์อินสตาแกรมเยอะ ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปผมตลอด บางทีถ่ายด้วยกันก็ทำหน้าอะไรอย่างนี้ จะได้โพสต์ไม่ได้ครับ
นุสบา : ไม่มี เละหมดเลยรูป มีแต่รูปน่าเกลียด ลิ้นห้อยออกมาบ้าง
ทุกวันนี้ยังแกล้งอยู่มั้ย ?
กันต์ : แกล้งอยู่ครับ
เห็นว่ามีดึงเปียดึงผมคุณแม่ ?
นุสบา : นั่นตอนเด็กๆ วีรกรรมเยอะมาก ไปงานอีเว้นท์กัน นักข่าวเต็มเลยกำลังสัมภาษณ์ วิ่งมาข้างหลังดึงผมดึงเสื้อให้เรากระตุก นักข่าวหัวเราะกล้องโยกไปหมด แล้วก็วิ่งหนีไปเลย คนโตเขาจะไม่มีทางทำอย่างนี้ ถ้าไปอีเว้นท์กับน้องกันต์ นุสจะต้องใส่เสื้ออีกแบบที่รัดกุมมาก แกล้งทุกช็อตทุกมุมเลย เผลอไม่ได้เลย
น้องกันต์สนุกหรอในการแกล้งแม่ ?
กันต์ : ใช่ ก็ตลกดี
แล้วแกล้งคุณพ่อบ้างมั้ย ?
กันต์ : ไม่เคยแกล้ง อาจจะนานๆ ครั้ง แต่ว่าไม่เคยดึงเสื้อ
มีแกล้งพี่ปุณณ์บ้างมั้ย ?
กันต์ : พี่ปุณณ์แกล้งตลอดครับ
นุสบา : แกล้งพี่ชายตลอด พี่ชายก็ยอมน้องตลอด นุสจะได้ยินตอนเขาเล่นบาสเก็ตบอลกัน สักพักจะได้ยินเสียงเขาร้องไห้ อันนี้ตอนเขาเด็กๆ นะ เพราะเขาห่างกัน 6 ปี พอร้องไห้วงแตกก็เลิก คนเล็กจะร้องเพราะแพ้ แล้วพี่ก็ต้องยอมแก้ในเกมส์หน้าเพื่อที่จะให้น้องหยุดร้องไห้
แล้วมีแกล้งอะไรพี่อีก ?
กันต์ : ผมจะชอบให้พี่โดนดุ บางทีผมกำลังเล่นแล้วแพ้ยางทีก็จะร้องไห้แล้วก็บอกว่าพี่ตีผม ให้คุณพ่อคุณแม่โกรธ พี่เขาก็รับนะครับ
ลึกๆ กลัวพี่ปุณณ์มั้ย ?
กันต์ : ไม่ค่อยกลัวครับ ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยดุผม เขาเป็นพี่ที่ดี
เห็นว่าชอบเอาความลับของพี่มาบอกแม่ ?
กันต์ : ก็นานๆ ครั้ง แต่ว่าทุกทีผมไม่บอก
นุสบา : ถ้าของพี่ชายไม่บอก เขารู้กัน ซิปปากแน่น
เวลาเขาแกล้งกันพี่นุส พี่ดุบ้างมั้ย ?
นุสบา : ก็มีดุเหมืนกัน ส่วนใหญ่พี่จะไม่ค่อย เพราะเขาห่างกันเยอะ ถ้าห่างกัน 2-3 ปีก็จะไม่ค่อย สู้กัน พอห่างกันเยอะๆ รู้สึกเหมือนพี่เขาเอ็นดูแล้วยอมมากกว่า
ตีลูกบ้างมั้ย ?
นุสบา : ไม่เคยเลยมีแค่โมโหมาก พูดแล้วไม่ทำ อาจจะเป็นวัยมั้ง เราพูดอย่างแต่จะทำตรงกันข้ามตลอดทุกเรื่อง เด็กผู้ชายเนอะ เริ่มหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้แล้ว เอาลูกไม่อยู่ ก็มีบ้าง แต่ไม่เคยลงไม้ลงมือ เหมือนเขายั่วเรามากกว่า เพราะความที่เขาเหมือนเด็กที่ชอบสนุกที่เห็นเราปรี๊ด
กลัวคุณแม่บ้างมั้ย ?
กันต์ : ไม่ค่อยกลัว แต่บางทีตอนเขาโกรธมากผมอาจจะหยุดนิดนึง
เลเวลาเวลาเขาโกรธมากเขาเลเวลไหน ?
กันต์ : ตะโกนอะไรยังงี้ มีอยู่ครั้งนึงโยนดินสอ ที่ผมเห็นโกรธจริงๆ
แล้วเลเวลในการดุลูกมันขนาดไหน เหมือนในละครมั้ย ?
นุสบา : ไม่ มันเหมือนโกรธจริงๆ จนต้องเดินหนีไปอีกห้อง
แล้วลูกก็กันขำอีก ?
นุสบา : ใช่ๆ คือที่เราโกรธมันไม่มีความหมายเลย กลายเป็นเขาบอกตลกดี
แล้วถ้าเป็นเรื่องที่พี่นุสจัดการไม่ได้ ให้ใครจัดการ ?
นุสบา : มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นเหมือนกับให้เขาทำการบ้านแล้วเขาก็ไม่ยอมลุกมา เล่นเกมส์อยู่นั่นแหละ เริ่มดึกแล้ว เปิดประตูเข้ามาดูก็อยู่ที่เดิม ไม่รู้จะทำยังไง ทั้งดุสารพัดจะทำท่าแล้ว ก็ไม่เวิร์ค ต้องโทรหาคุณพ่อให้มาช่วยบอกเขา นุสต้องเฟซไทม์เดินถือมาในห้องส่องให้ดูจะเป็นอย่างนี้อย่างนั้นก็เล่าไป เขาแซวนุสกลับมาว่า นี่ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เหรอ พี่ยุ่งอยู่มากเลยนะ งานเยอะมากเลยนะ พอเขาได้ยินเสียงเท่านั้นแหละ ลุกขึ้นมาทำทุกอย่างจบเสร็จ เราไม่ต้องพูดอะไรเลย คือครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาที่เราพูดมันไม่มีความหายเลยจริงๆ
แสดงว่าคุณพ่อดุมาก ?
กันต์ : ถ้าอยากดุ เขาก็ดุครับ
นุสบา : เขาก็พูดด้วยเหตุผล ไม่ใช่ดุด้วยเสียง
กันต์ : ใช่ครับ คุณแม่เขาจะดุด้วยเสียง ไม่ค่อยมีเหตุผล
แต่น้องกันต์จะเชื่อพี่ปุณณ์ ?
กันต์ : เชื่อพี่ปุณณ์ครับ พี่ปุณณ์เขาไม่เคยดุผม จะคุยกับผมจริงๆ สอนด้วยเหตุผล ทุกทีเขาไม่ค่อยสอนผม พอเขาสอนผมก็ต้องตั้งใจ
เรื่องอะไรที่พี่ปุณณ์เขาเป็นห่วงเรามากที่สุด ?
กันต์ : จะเป็นการเรียน คุณพ่อคุณแม่เขาก็อยากให้เรียนได้ดีอยู่แล้ว แต่ว่าพี่ผมเขาเคยผ่านมาแล้ว เขาเคยไปโรงเรียนเดียวกันกับผม ผมก็ถามเขา ครูเป็นอย่างนี้ เวลาสอบต้องเป็นอย่างนี้
ส่วนใหญ่ปรึกษาพี่ปุณณ์เรื่องอะไร ?
กันต์ : ก็ชีวิตทุกอย่าง การเรียน โรงเรียน
พี่ปุณณ์เขาปรึกษาเราเรื่องความรักมั้ย ?
กันต์ : บางทีครับ นานๆ ที พี่ปุณณ์เขาโตกว่าอยู่แล้วก็ไม่ค่อยได้ปรึกษา ถ้าจะให้ผมพูด ผมก็ยังไม่เคยผ่านมา
นี่รออยู่ว่าจะมีแกล้งคุณแม่บ้างมั้ยในรายการ ?
กันต์ : โตแล้ว ตอนที่แกล้งมากๆ ตอนนั้นเด็กๆ ก่อนตัวยืดก่อนฮอร์โมนจะมา หลังจากนั้นเขาก็ดีขึ้นมาก เขาก็เริ่มเห็นอกเห็นใจ เมื่อก่อนชอบเห็นเราปรี๊ดปร๊าดแล้วมีความสุข แต่เดี๋ยวนี้ไม่แกล้งแบบนั้น เวลาออกไปไหนยังไม่กลับบ้าน เขาจะเป็นคนเดียวที่โทรตาม แม่อยู่ไหน กลับมาหรือยัง กินข้าวหรือยัง โอเคมั้ย มันเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยมี เป็นลูกคนเล็กที่มีความเห็นอกเห็นใจ คอยเป็นห่วง คอยถามเรา เปลี่ยนมากเลย จากที่แกล้งเราตลอด
จริงๆ เขาแกล้งเพราะเขารักเรามากสุด อยู่ติดกับเรามากสุด ?
นุสบา : นุสอาจจะตีความว่าสมัยเด็กๆ เหมือนลูกคนเล็กที่เรียกร้องความสนใจ อยากให้ได้ความรักมากขึ้น อยากให้แม่สนใจเขา แต่ไม่รู้จะแสดงออกยังไง ก็เลยแหย่โน่นแหย่นี่
จริงๆ แอบเป็นเด็กสวีทเบาๆ เหมือนกัน ?
นุสบา : ใช่ๆ ถึงแปลกว่าตอนเด็กๆไม่เป็นแบบนี้ พอโตมาเหมือนกับมีความอ่อนโยนที่เหมือนเราได้ลูกใหม่อีกคนนึงเลย
เห็นพี่น้องรักกันขนาดนี้ดีใจมั้ย ?
นุสบา : อาจจะเป็นเพราะเขาห่างกันมาก 6 ปี พี่เขาเหมือนเป็นทั้งพ่อและเพื่อนที่เขาจะปรึกษาเรื่องเรียนก็ได้ เขาก็ตอบคำถามให้ได้ เรื่องเพื่อน เรื่องแฟน เขาก็คุยกันได้ อย่างน้อยเขาก็จะมีเพื่อนปรึกษาด้วย ก็แบ่งเบาเราไปได้เยอะ
เห็นว่าตอนที่พี่ไปเมืองนอก น้องทนไม่ได้เลย ต้องให้บินตามไปเลย ?
นุสบา : ใช่ มีอยู่ช่วงนึงตอนเด็กๆ น้องปุณณ์ เขาไปเทอมนึงเป็นซัมเมอร์ ไปประมาณเดือนนึง ที่เขาจะไม่ได้เจอกัน เขาร้องไห้เลยนะคิดถึง เราต้องซื้อตั๋วพาไป ไม่งั้นเรากลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าพี่เขาหายไปไหน เคยเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุด วันนี้ไม่มี ไม่อยากให้เขาเหงา ก็เลยพาไปให้เขาเห็น เวลาขากลับนี่เศร้ามาก เวลาต้องแยกกลับเพราะเราต้องกลับแล้วพี่เขาต้องเรียนต่อ ก็ซึมเลย
น้องกันต์จำความรู้สึกตอนนั้นได้มั้ย ?
กันต์ : ก็จำได้อยู่ครับ ตอนโตขึ้นมาเด็กๆ ผมจะติดพี่มาก ผมดูหนัง เล่นเกมส์กับพี่ทุกอย่าง ไปโรงเรียนด้วยกัน พอเขาไปผมก็ร้องไห้ ผมก็คิดถึงครับ
ตอนนี้พี่ปุณณ์อยู่ที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด ?
นุสบา : ใช่ เพราะเขาเป็นเอ็กซ์เทิร์น ปี 6 แล้ว จังหวัดจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามที่เขาจับฉลากกัน พออินเทิร์นก็อยู่ รามาฯ พอเอ็กซ์เทิร์นก็จะถูกส่งออกไป พูดง่ายๆ เหมือนฝึกงาน ให้ไปอยู่ที่จังหวัดนี้ จังหวัดนั้น เวียนไปเรื่อยๆ ที่ละ 3 เดือนก็ไม่ได้กลับบ้านเลย เพราะต้องอยู่หอที่โน่น ทำงานที่โน่นแล้วก้รักษาจริงเลย ก็หนักเหมือนกันแล้วเราไม่ได้เจอหน้าเขาเลย
ไม่ชอบวงการบันเทิงเหมือนคุนแม่บ้างหรอ ?
กันต์ : ไม่ครับ ไม่ชอบ
เห็นว่าทุกวันนี้มีโครงการช่วยเหลือคนด้วย ?
นุสบา : ใช่ อันนี้ก็เป็นเรื่องแปลกของเค้าอีกเรื่องหนึ่ง บังเอิญได้ไปต่างจังหวัดกันพ่อแม่ลูก ไปทางใต้ที่พังงา เขามีโอกาสได้เข้าไปที่โรงเรียนหนึ่ง ซึ่งเราก็เพิ่งรู้ว่าโรงเรียนจะมีเด็กๆ ประมาณ 100 กว่าคน เราเองก็อยากให้เขาได้รู้จักการช่วยเหลือสังคม ได้รู้จักการแบ่งปันทำตัวให้มีประโยชน์ต่อสังคม ก็พาเขาเข้าไปดูและซื้อของแจกเด็กๆ เป็นลูกบอลกับรองเท้า
กันต์ : คุณพ่อเค้าเคยไปออกงานที่พังงา โรงเรียนวัดบ้านม่วง ผมก็ชวนเขาไปค้าง ผมชอบเตะบอล เอาลูกบอลไปให้เขา เด็กบางคนเขาอาจจะซื้อไม่ได้ พอผมไปเจอกับน้องๆ เจอกับครูใหญ่ ผมคุยกับน้องๆเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้กินข้าวเที่ยง เขากลับบ้านไปกินข้าวเย็น เพราะเด็ก ป.6 ขึ้น โรงเรียนเขาจะไม่จ่ายค่ากินข้าวตอนเที่ยง เขาต้องเอาตังค์ซื้อเอง แล้วเขาก็ไม่ค่อยมีอาหารกิน ผมก็เลยเปลี่ยนจากเตะบอล การให้เด็กกินข้าวมีความสำคัญมากกว่า ผมคุยกับคุณพ่อแล้ว เราจะเอาไก่ เป็ด ซักร้อยตัวไปให้เขา ให้เด็กเลี้ยง เด็กได้เรียนเรื่องการทำเกษตรกรรม เพราะที่นั่นเขาก็มีสอนเกษตรกรรมอยู่แล้ว ผมก็ให้เด็กเขาเรียนไก่ด้วยแล้วเขาก็ได้ไข่จากไก่ 100 ตัว เขาจะได้ไข่ซัก 70 ฟอง ให้เขากินไข่เจียว
หรือเขาจะมาทางสายการเมืองเหมือนคุณพ่อ ?
นุสบา : คงไม่หรอก เหมือนเขาออกมาเองว่าถ้าอย่างนั้นก็ควรจะแบ่งปัน ก็มีคนถามเขาว่า ถ้างั้นก็เอาเงินไปบริจาคเขาซิ เขาก็บอกว่าถ้าให้เงินไปถ้าหมดแล้วทำอะไรต่อ ต้องให้เขารู้จักพึ่งพาตัวเองได้ ถ้าเขามีไก่ ไข่เอาไปขายได้ ก็สามารถเอาเงินมาซื้อข้าวต่อยอดได้ ไก่ก็จะออกไข่ไปเรื่อยๆ มีลูก พัฒนาต่อไป เป็นโครงการเกษตรพอเพียง เราก็เลยสนับสนุน ที่พังงาอาจจะเป็นโรงเรียนแรกที่เขาคิดเอง ถ้ามีโอกาสอยากชวนให้คนโน้น คนนี้ ทำแบบเราก็ได้ ไม่ต้องมาผ่านเราหรอก เด็กน่าสงสารจริงๆ รองเท้ายังไม่มีใส่เลย เดินเท้าเปล่า ข้าวกลางวันน้องไม่ได้กิน กีฬาก็เล่นเท้าเปล่า ลูกบอลก็มีไม่กี่ลูก เราก็เลยคิดว่าถ้าในโรงเรียนเขาจัดให้เด็กมาทำประโยชน์ มาหัดเลี้ยงไก่ก็ได้ มาทำเกษตรแบบพอเพียงๆเล็กๆหลังโรงเรียนเลิก เด็กก็จะโตกันมาเห็นคุณค่าของสิ่งที่เขาสร้างมา โดยที่น้องกันต์เขาเริ่มที่นี่ก่อน ถ้ามีโอกาสก็อยากทำต่อๆไป
เรื่องที่ทำให้ผวาแล้วตื่นกลางดึกก็คือเรื่องที่คุณพ่อเสีย ?
นุสบา : ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องผ่านช่วงนั้นไป คนที่เรารัก โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ แต่ของนุสนี่กะทันหันแล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้น ในช่วง 2 ปีที่แล้วคุณพ่อเป็นหลายโรคมาก เบาหวาน ล้มแล้วมีเลือดคั่งในสมองนิดๆ เรื่องปอด หัวใจต้องทำบอลลูน พร้อมกันไปหมดเลยช่วงปีนั้น ซึ่งก็เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลอยู่เป็นปีๆ เลย ก็ค่อนข้างเหนื่อยตอนนั้นน้ำหนักลดลงไป 5-6 โลเลย สุดท้ายแล้วผ่านไปปีนึงเขากลับมาได้ แข็งแรงเลย เราก็โอเคมันผ่านไปแล้วมรสุมครั้งนั้น มาวันหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากคนที่บ้าน เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาบอกว่าพ่อเป็นอะไรไม่รู้พูดไม่ได้ คนที่บอกว่าเขาล้ม ล้มแล้วยังไงทำไมพูดไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น คือเขาเดินออกมาจากบ้านแล้วลื่นตรงระเบียงเท่านั้นเอง แล้วก็ล้ม แล้วก็ไม่รู้สึกอะไรคิดว่าหัวโน ยังกลับมาทานข้าวได้ปกติ ตอนนั้นเกิดประมาณ 11 โมง เที่ยง แล้วก็ 5 โมงเย็นเขาโทรมาบอกว่าพ่อพูดไม่ได้ เราก็รีบขับรถไป เราก็ไม่คิดว่าจะกะทันหันฉับพลันขนาดนั้น พอไป 5 โมง เขาก็นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวอะไรเลย เราก็ช็อกมาก ตรงนั้นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ได้เจอหน้าเขา แล้วคุยกับเขา เห็นเขาหลับตาแล้วน้ำตาไหลมาข้างๆ เราก็นึกว่าเขาหลับไป พอรถพยาบาลมาก็พาเขาเข้าโรงพยาบาล หมอก็บอกว่าเขาคงไม่ได้กลับมาอีกแล้วให้ทำใจ นุสนี่นั่งกองลงไปกับพื้นที่โรงพยาบาลลุกไม่ขึ้นยามต้องเข้ามาช่วยกัน มันเร็วมาก กะทันหันมาก ไม่คาดคิดเลย จากที่ดีๆ อยู่ภายใน 3 ชั่วโมง สิ่งที่นุสต้องเจอคือมันค่อนข้างช็อก แล้วเขาเสียไปตอนนั้นก่อนที่จะมาที่โรงพยาบาล ตอนที่เขาหลับไปก็คือในแขนของเราที่เราพยายามยกเขาขึ้นมาจากที่เขาลุกไม่ได้ไม่ทำอะไรแล้ว นอนอยู่เฉยๆ เขย่าก็ไม่รู้สึกแล้ว มันเป็นภาพที่ติดตามากจนถึงทุกวันนี้ ทุกๆ ตี 4 เราจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะมันเป็นเวลาที่เขาจากไป ก็แปลกเหมือนกันเป็นปีๆ เลย ก็เป็นเรื่องที่มันอาจจะเกิดขึ้นกับทุกคนต้องเตรียมใจแล้วก็ต้องซ้อมความสูญเสียไว้บ้าง
หลังจากคุณพ่อเสียไม่รับละคร 2 ปี ?
นุสบา : จากช่วงปีนั้นมันเป็นปีที่ยากลำบากจากเรื่องคุณพ่อ เรื่องอื่นๆ อีกด้วย ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีเรี่ยงแรงในการทำงาน เหมือนมันขาดพลัง ทั้งๆ ที่พี่ๆ เพื่อนๆ ชวนให้กลับมาเล่นละคร แต่นุสก็ต้องบอกเขาไปว่านุสเล่นไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ว่าทำไม เขาเข้าใจหมดเลยว่าเป็นเพราะอะไร ก็ถึง 2 ปีซึ่งเราไม่ทำอะไร ก็อยู่กับลูกและครอบครัว ลูกๆ เขาก็เห็นเขาก็อยากให้เรากลับมาทำงานมันจะดีกว่า ช่วงจังหวะนั้นเมื่อปีที่แล้วพอดีว่ามีซีรีส์ติดต่อมาก็รับเล่นไป ตอนแรกก็ว่าจะไม่เล่นแต่ก็ลูกทั้งสองอีกนั้นแหละบอกว่า แม่กลับไปเล่นเถอะ ขอร้อง เขาอยากเห็นเราในแบบเดิม แล้วเขาก็ให้กำลังใจเรามาตลอด ก็เพิ่งจะกลับมาทำงาน
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/7O0_yBYW5SI?si=wxBEH5o8dl4qUbku