“นิพนธ์” ควง “อดีตประธานศาลรธน.” เปิดหน้าสู้ ป.ป.ช. คดีรถอเนกประสงค์อบจ.สงขลา แจงไม่ได้ลดตัวมาเป็นทนาย ขออย่าดูถูกอาชีพ มั่นใจชนะคดีแน่
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2565 ที่โรงแรมเดอะสุโกศล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าทีมทนายความของนายนิพนธ์ ร่วมกันแถลงข่าวคดีการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา โดยนายนิพนธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนไม่ขอพูดอะไร เพราะพูดเรื่องนี้มากพอสมควรแล้ว
ด้านนายวสันต์ กล่าวว่า ตนยังเป็นข้าราชการบำนาญศาลยุติธรรม โดยเมื่อปี 2558 ได้ขอใบอนุญาตทนายความ เพื่อช่วยเหลือพรรคพวกเมื่อมีคดีความ ส่วนกรณีอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญลดตัวมาว่าความ ท่านกำลังดูถูกอาชีพทนายความ ทุกวงการมีคนดีคนเลว นี่คืออาชีพอิสระ ตนไม่คิดสู้คดีให้ใครในศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเคยเป็นประมุขมาก่อน แต่ตนไม่ใช่ประธานศาลฎีกา คงไม่น่าเกลียดอะไร ซึ่งอดีตประธานศาลฎีกาหลายท่านก็ตั้งสำนักงานทนายความ
นายวสันต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า ตนเข้าศาลจะต้องมีคนไหว้ตั้งแต่บันไดนั้น ชี้แจงว่าตนกรอกเอกสารว่าความเป็นทนายความ จึงไม่มีใครรู้จักตน และไม่มีใครในศาลออกมาไหว้ตนแต่อย่างใด ทั้งนี้ สาเหตุที่ตนมารับคดีของนายนิพนธ์ สู้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น เนื่องจากในสังคมมีคนกลั่นแกล้งรังแกพอสมควร หากช่วยพรรคพวกได้ก็ควรช่วย ซึ่งคนที่รับคดีต้องพิจารณาว่า มันจะมีทางต่อสู้หรือไม่ ถูกแกล้งรังแกหรือไม่ หากนายนิพนธ์เป็นฝ่ายผิด ตนคงไม่รับทำคดีให้ เพราะเสียฟอร์มเปล่าๆ ตนเป็นทนายเงียบๆ ไม่ได้หิวแสงเหมือนกับใคร
นายวสันต์ กล่าวว่า ตนไม่ได้คุ้นเคยกับนายนิพนธ์ แต่มีความคุ้นเคยกับนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องตั้งแต่เรียนหนังสือ โดยนายสุทัศน์แนะนำให้คุยกับนายนิพนธ์ ทั้งนี้ ตนอยู่ในกระบวนการยุติธรรมกว่า 50 ปี มองออกว่าใครได้รับความเป็นธรรม ใครไม่ได้ความเป็นธรรม รูปคดีเป็นอย่างไร เมื่อเอาเรื่องราวมาดูและตรวจสอบเอกสาร เห็นว่านายนิพนธ์ เป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนจึงรับเป็นทนายความให้
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า อบจ.สงขลา ต้องการซื้อรถอเนกประสงค์ 2 คัน มูลค่า 40 กว่าล้าน ซึ่งวิธีการซื้อต้องประมูลเสนอราคาตามขั้นตอน จนกระทั่งทำสัญญาส่งมอบรถ แต่ผู้ขายขอเบิกค่ารถ ช่วงนั้นมีการร้องเรียนเรื่องฮั้วประมูล ประกอบกับมีการเปลี่ยนนายกอบจ.สงขลา เป็นนายนิพนธ์ ปรากฏว่าบริษัทที่เข้ามาเสนอราคา มีความสงสัยว่าฮั้วประมูล ดังนั้น อบจ.สงขลา จึงนำหนังสือเสนอผู้ว่าฯ และระงับจ่ายเงิน และแจ้งความผิดฮั้วประมูล พร้อมร้องป.ป.ช. เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วย
นายวสันต์ กล่าวว่า บริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าฮั้วประมูล พนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาต่อศาลเรียบร้อยแล้ว และมีจำเลยหลบหนีไปต่างประเทศ มีการออกหมายจับ และคดียังค้างการพิจารณา ซึ่งป.ป.ช.ให้เจ้าหน้าที่แจ้งความกล่าวโทษบริษัทเหล่านั้นในข้อหาฮั้วประมูล เบื้องต้นป.ป.ช.เชื่อว่าบริษัทเหล่านี้ฮั้วประมูลจริง ส่วนบริษัทผู้ขายฟ้องนายกอบจ.ต่อป.ป.ช. ว่ากลั่นแกล้งไม่จ่ายเงิน และฟ้องศาลปกครองแล้ว แต่ศาลระบุไม่มีหลักฐานว่าฮั้วจริง เพื่อให้อบจ.จ่ายเงิน ต่อมาอบจ.ได้ยื่นศาลปกครองสูงสุด แต่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาดคี
“ถ้านายกอบจ.สั่งจ่ายเงินสัญญาที่เป็นโฆษะถือว่ามีความผิด สัญญาที่เป็นโฆษะคู่กรณีกลับคืนฐานะเดิม คือคืนรถไป แต่นายกอบจ.ไม่จ่ายเงิน พวกฮั้วประมูลบอกเป็นการกลั่นแกล้ง อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายกอบจ. แต่ป.ป.ช.จะฟ้องเอง ดังนั้นเราพร้อมสู้กับป.ป.ช.” นายวสันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า เปิดหน้าสู้กับป.ป.ช.แบบนี้ มีปัญหากับป.ป.ช.หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหากับป.ป.ช. เพราะป.ป.ช.ชุดก่อนหน้านี้ก็รู้จักหลายท่าน ส่วนชุดใหม่ไม่คุ้นเคย แม้จะรู้จักเป็นการส่วนตัวบางคนก็ตาม และไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับใคร ส่วนมีปัญหาการเมือง เพื่อให้นายนิพนธ์ออกจากรมช.มหาดไทยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่นักการเมือง จึงไม่ขอออกความเห็นเรื่องนี้
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะชนะคดีแน่นอนหรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจคงไม่รับคดี เรื่องจริงเป็นอะไรก็ไปสู้ในศาล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ยืนยันว่าเตรียมพร้อม ตนไปด้วยตัวเอง และไปตามที่ป.ป.ช.นัดหมาย