จากกรณี พล.อ.กะสิณ ทองโกมล นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักคนพิการไทย ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กีฬา สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบ นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่อทุจริตฉ้อโกงเงินรายได้จากโควตา สลากกินแบ่งรัฐบาลของสมาคมกีฬาคนพิการฯ มูลค่า 2,100 ล้านบาท
นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า การจัดสรรสลากจำนวน 12,000 เล่ม ให้กับสมาชิก ดำเนินการตามระเบียบของนายกสมาคมฯ คนเก่า ซึ่งสมาคมฯ ได้รับค่าบริหารจัดการจากสมาชิก จำนวน 1 เปอร์เซ็นต์ (มติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 สมัยที่ท่านนายกคนก่อนยังดำรงตำแหน่ง) ทั้งนี้ เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ ก็ได้ดำเนินการตามมติของนายกสมาคมฯ คนเก่า เพราะถ้าตนเข้ามาเปลี่ยนแปลงขอรับค่าบริหารจัดการเป็น 2 เปอร์เซนต์ ก็จะกระทบสิทธิของผู้ค้าสลากเดิม และอาจจะโดนสมาชิกถอดถอนได้ อีกอย่างมติดังกล่าวก็เป็นประโยชน์ต่อสมาชิก เพราะเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิก รวมทั้งนักกีฬาก็จะได้มีกำลังใจในการพัฒนาศักยภาพในการเล่นกีฬาของตัวเองด้วย
นายชูเกียรติ ยังตั้งข้อสังเกตุด้วยว่า คนที่มาร้องเรียนตนเองอาจเป็นสมาชิกใหม่ ที่ไม่ได้รับการจัดสรรโควตาสลาก เพราะมาทีหลัง หลังจากที่ได้มีการจัดสรรโควตาสลากกันไปหมดแล้ว คนเหล่านี้จึงอาจจะเกิดความไม่พอใจได้ และอีกอย่างตนเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งปีเศษก็จะเลือกตั้งใหม่ ก็อาจจะมีข่าวทำลายกันเกิดขึ้นได้และพร้อมยืนยันอีกว่าสมาคมฯ ไม่ได้ทำผิดสัญญากับทาง สำนักงานสลากกินแบ่งฐบาลฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ทำอะไรก็ได้ในทางที่ถูกที่ควร เพราะตนไม่ได้เอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง ลองคิดดูว่าตนเองเป็นนายกสมาคมฯ มาเกือบ 6 ปี เอาง่ายๆ ตีไปรวม 5 ปีได้รับสลากจำนวน 60 งวด แล้วถามว่าเงินหายไปตั้ง 2 พันล้านบาท ถ้าตนเองเอาไปจริงๆ แล้วกรรมการบริหารสมาคมฯ รวมทั้งสมาชิก จะยอมให้ตนทำเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าทำจริงก็ต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่สมัยแรกหรือปีแรกแล้วเพราะมีการแถลงรายรับในงบดุลประจำปีตลอดในเรื่องรายสลากฯและตนคงไม่อยู่มาได้ถึงขนาดนี้แน่
“ผมพัฒนาสมาคมกีฬาคนพิการฯ จนได้รับรางวัลสมาคมกีฬาดีเด่นของ กกท. 4 ปีซ้อน และได้รับรางวัลมาตรฐานทุกตัวชี้วัดจาก กกท. 100 เปอร์เซนต์ 4 ปีซ้อน ขณะที่ นักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ในยุคของผมก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยและคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ส่วนตัวผมมองว่ามีคนบางคนอยากก้าวขึ้นเป็นนายกสมาคมฯ เพราะผมเหลือวาระทำงานอีก 1 ปีเศษ ผมยังมองอีกว่าคนบางคนอาจจะเรียกรับผลประโยชน์จากสมาคมฯ เป็นจำนวนมาก แต่สมาคมฯ ไม่ยอมจ่าย เรื่องนี้ผมมองว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกัน ซึ่งผมยืนยันว่าการทำงานที่ผ่านมามีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และผมก็พร้อมให้ตรวจสอบด้วย” นายชูเกียรติ กล่าว