หนุ่มโพสต์คลิปนาทีชีวิตหลังนั่งกิน แซลมอนจิ้มวาซาบิ จนเกิดอาการสำลักแล้ววูบหมดสติ เพราะใส่วาซาบิที่มีปริมาณมากโชคดีภรรยาและเจ้าของร้านช่วยทัน
จากกรณีของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปนาทีชีวิต ซึ่งเป็นภาพกล้องวงจรปิดของร้านอาหารในจังหวัดจันทบุรี จับภาพ ขณะที่ลูกค้ากำลังนั่งรับประทานอาหาร แต่จู่ๆ เกิดหงายหลัง และหมดสติไป จนภรรยาและเจ้าของร้านต่างต้องเข้ามาประคองและช่วยทุบเข้าที่หลังเพื่อให้การช่วยเหลือ จนอาการดีขึ้นและปลอดภัย
ผู้ใช้ facebook ชื่อ พ่อน้องเก้า อิอิ นำมาโพสต์ พร้อมข้อความว่า “คนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ นั่งอยู่ดีๆ ก็หงายหลังไปได้ ต้องขอบคุณเมียกับเจ้าพ่อเพชร ไม่งั้นนะ คงสบายไปแล้ว พลังวาซาบิ มันแรงจริงๆ”
นายธวัชชัย เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ช่วงเย็นของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 ตนเองได้ไปนั่งรับประทานแซลมอนวาซาบิ และยำ กับภรรยา หลังจากกินไปได้ครึ่งจานแล้ว เกิดอาการสำลัก น่าจะมาจากการใส่วาซาบิที่มีปริมาณมากกว่าที่เคยกิน เมื่อกินไปแล้วเกิดอาการขึ้นสมอง จนเป็นไปตามภาพจากกล้องวงจรปิดคือ รู้สึกภาพตัดแล้วหายไปเลย
เมื่อรู้สึกตัว ภรรยาบอกว่า ตอนนั้นหงายหลังแล้วมีอาการตาเหลือก และชัก จึงช่วยทุบหลัง เพราะไม่รู้ว่าอาหารไปติดหลอดลม หลอดอาหารหรือไม่ เนื่องจากไม่มีสติ พูดจาบอกอะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่ตนเป็นคนอ้วนร่วมด้วยหรือไม่ ทำให้อาการรุนแรงกว่าปกติ ถึงแม้จะตรวจร่างกายทุกปีและอาการปกติดีทุกอย่างก็ตาม
จากนี้ คงต้องขอเตือนสายวาซาบิ ก่อนกินให้คิดดีๆก่อน อย่าใส่มากเกินไป เพราะอาจทำให้เป็นแบบตนได้ ครั้งนี้โชคดีที่คนรอดมาได้ ครั้งหน้าอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีก ครั้งนี้ถือว่าโชคดีจริงๆ
ด้านนางสาวศิรินทิพย์ ประทุม ภรรยาของนายธวัชชัย เล่าถึงเหตุการณ์และการตัดสินใจช่วยเหลือสามี ที่กินแซลมอนซาซิมิ แล้วเกิดการสำลักว่า ปกติไปกินแซลมอนและอาหารที่ร้านนี้เป็นประจำ โดยตอนที่เกิดเหตุกินกันไปแล้วครึ่งจาน แต่คำที่กินไปก่อนหน้าจะเกิดอาการคือ กินแล้วสำลัก สลับกับไอมากกว่าทุกครั้งที่กิน
ตนเห็นว่าทำไมไอ และ สำลัก นานกว่าทุกครั้งเลยจะหยิบคื่นไช่ให้กิน แต่ตอนที่สามีหันมาหา คือน้ำหูน้ำตาไหลเลย ช่วงที่หยิบคื่นไช่มา สามีก็เอนหลังไปที่พนักพิงเก้าอี้ ตนคิดว่าจะดีขึ้น เลยจะเอนหลังพัก แต่ไม่เป็นแบบนั้น เพราะสามีหงายไปเลย แขนตก ตาเหลือก ไม่มีสติแล้ว
ตอนนั้นดีที่ลุกขึ้นยืนแล้ว ในหัวคิดว่าเป็นอะไร จะปั๊มหัวใจไหม หรือต้องทุบ แต่สามียังหายใจ เลยรีบดึงแขนขึ้นมา เพราะไม่รู้ว่าอาหารติดหลอดลมหลอดอาหารบ้างหรือไม่ในตอนที่ไอ สำลัก
ตอนดึงขึ้นมาครั้งแรก ดึงไม่ขึ้นเพราะด้วยตัวสามีที่ใหญ่ แล้วยังชักกลับไปอีกครั้งหนึ่ง ตอนนั้นได้เจ้าของร้านมาช่วยพยุงขึ้น พอจับนั่งได้เลยเลือกที่จะทุบ เพราะถ้ามีอะไรติดคอ มันต้องหลุดออกมา จำไม่ได้ว่าทุบไปกี่ครั้ง แต่สามีก็รู้สึกตัว แล้วบอกว่า ดีแล้วๆ โดยหลังจากอาการดีขึ้น ถามอาการสามีตลอด ถามพปว่า รู้มั้ยว่าตัวเองเป็นอะไร คำตอบที่ได้มาคือ ไม่รู้ ไม่รู้เลย ไม่รู้ว่าตัวเองถูกทุบด้วย
ภรรยาของนายธวัชชัย บอกว่า สาเหตุที่เลือกทุบหลังสามีตัวเอง เพราะสามีตัวใหญ่ ไม่สามารถเข้าทางด้านหลังและช่วยยกขย้อนได้ ตามหลักการปฐมพยาบาล จึงเลือกที่จะทุบไปที่หลัง ไม่ได้ทุบแรงมาก แต่คิดว่าอาหารติดจะช่วยให้อาหารที่ออกมา แต่ตามหลักที่เรียนมา ถ้าเป็นเด็กจะต้องโน้มตัวและตบหลังเบาๆเพื่อให้สิ่งของออกมา หากเป็นผู้ใหญ่จะต้องเข้าทางด้านหลัง กำมือวางบริเวณลิ้นปี่ และกดช่วยขย้อนออกมา แต่สิ่งที่ดีที่สุดของคนช่วยคือการมีสติ โชคดีที่ตนเองยังพอตั้งสติ จึงช่วยเหลือเหตุการณ์นี้ได้ทัน
ข้อมูล : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ข่าวที่น่าสนใจ
เด็ก 15 โดนห้ามใช้ Wi-Fi ยิงน้องชาย 10 ขวบ แม่ และพ่อ อยู่กับศพในบ้านอีก 3 วัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คลั่งไม่หยุด! เคร้อยล้าน เช็กอินโพสต์คลิปขู่นักศึกษา มธ. ลั่นในรถมีงู
กระบะซิ่ง ใจบางฟังเสียงแตรไม่ได้ ลงรถมาด่ามึงเก๋าเป็นพ่อกูหรอ ชาวเน็ตจวกยับ!