วันนี้ Apple ประกาศว่าระบบนิเวศของ App Store ช่วยสร้างยอดขายและการเรียกเก็บเงินมูลค่า 64,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปี 2020 ซึ่งเพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาจาก การศึกษาอิสระ
โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ Analysis Group พบว่า นักพัฒนาซึ่งขายสินค้าและบริการในหลายๆ หมวดหมู่ สร้างความเติบโตให้กับธุรกิจของตัวเองจากการที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก โดยนักสร้างแอปใช้ความคิดสร้างสรรค์และความสนใจของตัวเอง เพื่อช่วยผู้คนในการติดต่อ การรักษาสุขภาพ และสร้างความเพลิดเพลิน ในขณะที่ App Store มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสนับสนุนให้นักพัฒนาปรับตัวรับกับความท้าทายของปี และนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่ชีวิตผู้คน
การศึกษาชิ้นใหม่เรื่อง “A Global Perspective on the Apple App Store Ecosystem” (ระบบนิเวศ App Store ของ Apple ในมุมมองระดับโลก) ได้วิเคราะห์เจาะลึกถึงวิธีการที่ App Store ช่วยสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งกลายมาเป็นเครื่องยนต์ที่เฟื่องฟูและครอบคลุมทุกด้าน ในการขับเคลื่อนโอกาสสำหรับเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้จำนวนของนักพัฒนาขนาดเล็กทั่วโลกเติบโตขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งรวมแล้วคิดเป็นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของนักพัฒนาใน App Store โดยการศึกษาให้คำจำกัดความของนักพัฒนาขนาดเล็กว่า เป็นผู้ที่มียอดดาวน์โหลดน้อยกว่า 1 ล้านครั้ง และมีรายได้จากทุกแอปของตนเองน้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่ทำการศึกษา
“นักพัฒนาบน App Store ได้พิสูจน์ให้เห็นในทุกๆ วันว่า ไม่มีตลาดแห่งใดในโลกนี้ที่จะมีการสร้างสรรค์ มีความยืดหยุ่น และไม่เคยหยุดนิ่งยิ่งไปกว่าเศรษฐกิจของแอปอีกแล้ว” Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าว “แอปที่เราได้พึ่งพาในช่วงสถานการณ์โรคระบาด ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่การช่วยส่งของกินของใช้ให้ถึงบ้าน ไปจนถึงเครื่องมือการสอนสำหรับผู้ปกครองและนักการศึกษา และจักรวาลของเกมและความบันเทิงอันเหนือจินตนาการและขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เพียงแค่แอปอันยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ แต่คืองาน คือโอกาส และเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่เคยมีใครพูดถึง ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอีกหลายๆ ปีต่อจากนี้”
มากกว่า 1 ใน 4 ของนักพัฒนาขนาดเล็กซึ่งขายสินค้าและบริการดิจิทัลบน App Store สร้างความเติบโตให้แก่รายได้ของตนเองโดยเฉลี่ยอย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละปี ตลอดช่วงห้าปีที่ผ่านมา เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของนักพัฒนาขนาดเล็กบน App Store สามารถใช้งานได้บนหน้าร้านในหลายประเทศ และโดยเฉลี่ย นักพัฒนาเหล่านี้มีรายได้จากผู้ใช้ในมากกว่า 40 ประเทศ
“การได้รู้ว่าเด็กๆ ใน 174 ประเทศได้เล่นเพลงของเรามากกว่า 500 ล้านครั้ง มีความหมายมากสำหรับเรา โดยเฉพาะในฐานะที่เป็นพ่อคน” Aditya Mohatta บอก “ความเติบโตนี้หมายความว่าเราสามารถสร้างงานที่มั่นคงสำหรับผู้คนในชุมชนของเราได้ ทำให้สมาชิกทีมของเราบางคนได้ซื้อบ้านหลังแรกของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภูมิใจเป็นพิเศษ เพราะในอินเดีย การซื้อบ้านถือเป็นย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตของคนๆ หนึ่ง และในสถานการณ์โรคระบาดนี้ เราก็สามารถที่จะบริจาคอาหารและอุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงเครื่องผลิตออกซิเจนให้แก่ผู้ที่กำลังต้องการเป็นอย่างมากได้ด้วย”
สำหรับนักพัฒนากลุ่มย่อยบน App Store การควบรวมกิจการและการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชน ได้เป็นประตูแห่งโอกาสที่ทำให้พวกเขาสามารถต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตไปได้มากยิ่งขึ้น สำหรับการประมาณการระดับต่ำสำหรับยุโรปและสหรัฐฯ การศึกษาพบว่าบริษัทที่ทำธุรกิจแอปเป็นหลักกว่า 75 บริษัท ซึ่งมีแอป iOS เป็นแกนกลางของธุรกิจ ได้เข้าสู่ตลาดหุ้นหรือถูกควบรวมกิจการ โดยมีมูลค่าทั้งหมดมากกว่า 51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เวลาที่มีการเสนอขายหุ้นหรือขายกิจการ
Bumble เปิดตัวในปี 2014 ด้วยทีมงานที่มีไม่ถึง 20 คน ในเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียง 7 ปี Bumble Inc. ก็ได้กลายมาเป็นบริษัทแม่ของทั้ง Bumble แอปออกเดตแอปแรกสำหรับผู้หญิงในชื่อเดียวกันกับบริษัท และแอป Badoo ซึ่งตอนนี้มีผู้ที่ใช้งานประจำในแต่ละเดือนรวมกันทั้งหมดทั่วโลก 42 ล้านคน หุ้น IPO ของ Bumble Inc. ซึ่งเปิดขายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ระดมทุนได้ถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบริษัทก็บอกว่า App Store และระบบนิเวศ iOS เป็น “ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างหนาแน่น” กับความสำเร็จของบริษัท
“สำหรับทีมงานทุกคน การเสนอขายหุ้น IPO เป็นช่วงเวลาของการพิสูจน์อย่างแท้จริง” Miles Norris ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Bumble กล่าว “เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถเร่งการเติบโต เข้าสู่ตลาดใหม่ได้มากขึ้น และขยายภารกิจของเราในการสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย มีความสุข และมีความเท่าเทียมในทุกแง่มุมของชีวิตผู้หญิง ซึ่งการจะสร้างความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นได้ เราต้องเข้าถึงผู้คนให้มากขึ้น และ App Store ก็ช่วยให้เราทำเช่นนั้นได้”
ความสำเร็จอาจแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละแอปบน App Store เป้าหมายของ Apple ก็คือการมอบเครื่องมือที่จะสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ และสร้างประสบการณ์แอปอันยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้ของ Apple ให้กับนักพัฒนาผู้อยู่เบื้องหลังทุกๆ แอป ไม่ว่าจะขนาดใดก็ตาม
นักพัฒนาจากทุกประเทศเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก
การศึกษาพบว่า App Store ช่วยให้ธุรกิจแอปในทุกขนาด สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วทั้ง 175 ประเทศและภูมิภาค
Versa เป็นนักพัฒนาผู้อยู่เบื้องหลังแอป Makaron แอปตัดต่อภาพและวิดีโอจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ที่มียอดดาวน์โหลดเกือบ 8 ล้านครั้งจากผู้ใช้ App Store ใน 173 ประเทศและภูมิภาค นับจากที่ Makaron เปิดตัวในปี 2018 มูลค่าของแอปก็เพิ่มขึ้นถึง 172 เปอร์เซ็นต์ จาก 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020 และมีพนักงานเพิ่มขึ้นจาก 25 คนเป็น 125 คน
“App Store ช่วยให้เราเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ทั่วโลก” Tianyi Cai ซีอีโอของ Versa บอก “ในฐานะที่เป็นบริษัทเล็กๆ เราไม่มีทรัพยากรพอที่จะไปสู่ระดับนานาชาติได้ด้วยตัวเอง แต่ Apple ได้ให้เครื่องมือที่เราต้องการในการขยับขยาย ตัวอย่างเช่น เราคงไม่มีทางคาดเดาว่าเราจะไปที่ประเทศตุรกีได้ แต่การวิเคราะห์ของ App Store ช่วยให้เราเห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเราต้องไปที่นั่น และตอนนี้ผู้คนที่นั่นก็ชื่นชอบเรามาก”
วิธีการจ่ายเงินแบบปลอดภัยช่วยส่งเสริมการเติบโตในระดับนานาชาติ
หน้าร้านและกระบวนการจ่ายเงินที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละท้องถิ่น หมายความว่านักพัฒนาสามารถเน้นไปที่แอปและลูกค้าของตนเองได้ ในขณะที่ App Store ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการทำธุรกรรมระหว่างประเทศที่ปลอดภัย ซึ่งรองรับ 40 ภาษา วิธีการจ่ายเงินในท้องถิ่นเกือบ 200 ราย และ 45 สกุลเงิน
เพื่อนสมัยเด็กอย่าง Pedro Wunderlich และ Andres Canella จากกัวเตมาลาได้เปิดตัวแอป Wakeout! ของพวกเขาในปี 2017 ด้วยเป้าหมายที่จะทำให้โลกแอคทีฟเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย โดยแอปช่วยให้ผู้ใช้มากกว่า 2 ล้านคนใน 171 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ผสานรวมการออกกำลังกายเข้าไปในชีวิตประจำวันด้วยการใช้สิ่งของที่ใช้อยู่ในทุกๆ วัน ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา Wakeout! สามารถเพิ่มยอดการเรียกเก็บเงินได้อย่างน่าทึ่งถึง 455 เปอร์เซ็นต์
“ระบบการจ่ายเงินของ Apple เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับเราที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก” Canella บอก “ระบบนี้ช่วยให้เราสามารถขยายตัวไปทั่วโลกได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการคำนวณเรื่องต่างๆ อย่างเช่นภาษีท้องถิ่น หรืออัตราการแลกเปลี่ยนเงิน และการใช้ระบบนี้ก็โปร่งใสมากสำหรับลูกค้าของเรา ทำให้เราสามารถเข้าถึงได้ในทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจีน ฝรั่งเศส หรือที่ไหนก็ตาม เราได้รับประโยน์จากการขายในระดับโลก โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้”
เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ช่วยให้นักพัฒนาประสบความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรมสุดล้ำ
Apple ได้ช่วยชุมชนนักพัฒนารายย่อยที่กำลังเฟื่องฟูนี้สร้างแอปที่ยอดเยี่ยมด้วยการมี Application Programming Interface (API) มากกว่า 250,000 รูปแบบซึ่งรวมอยู่ในชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) 40 ชุด สำหรับนักพัฒนาส่วนใหญ่แล้ว เครื่องมือเหล่านี้ทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มการทำงานใหม่ๆ ให้กับแอปของตนเองได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากความสามารถอันทรงพลังอย่างการเรียนรู้ของระบบ เทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งยังเพิ่มศักยภาพของนักพัฒนาในการใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนเองไปกับการสร้างแอปอันยอดเยี่ยม
Primer: AR Home Design ใช้ AR เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานนึกภาพออกว่า การปรับแต่งพื้นที่ด้วยสีหรือวอลเปเปอร์ใหม่จะออกมามีหน้าตาเป็นอย่างไร ทีมที่มีอยู่สามคนจากเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดตัวแอปเมื่อเดือนเมษายน 2020 และในเวลาเพียงปีเดียว Primer: AR ก็ได้แสดงผลิตภัณฑ์แบบเสมือนจริงด้วย AR กว่า 600,000 ครั้ง ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ได้ดูตัวอย่างสีสันแบบเสมือนจริงได้ผ่านแอป
“ARKit เป็นแกนหลักของประสบการณ์แอปทั้งหมดของเรา” Adam Debreczeni ผู้ร่วมก่อตั้ง Primer: AR บอก “สิ่งที่เราชื่นชอบมากใน SDK นี้ก็คือการที่ Apple นำเอาสิ่งที่ยุ่งยากและซับซ้อนและคงจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเราที่จะสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง เปลี่ยนให้เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้อย่างง่ายดาย และย่อลงมาอยู่ในแบบที่เราสามารถสร้างสรรค์ต่อจากจุดนั้นได้เลย ทำให้ภายในเวลาสามหรือสี่เดือนของการพัฒนา เราก็ได้ต้นแบบที่ยอดเยี่ยมมากๆ ซึ่งเราสามารถนำไปเสนอกับแบรนด์ต่างๆ และทำให้พวกเขาพบกับสุดยอดพลังที่พวกเขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองมีอยู่”
แหล่งข้อมูลการศึกษาสำหรับนักพัฒนาในทุกขั้นตอน
การเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่งของ App Store มีรากเหง้ามาจากชุมชนของนักพัฒนาใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นซึ่งยิ่งใหญ่และเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากแหล่งข้อมูลการศึกษาและการสร้างแอปของ Apple โดยผู้ที่สำเร็จการศึกษามากกว่า 10,000 คนจาก Apple Developer Academy ซึ่งมีชั้นเรียนสำหรับนักพัฒนาหน้าใหม่ผู้มีความทะเยอทะยานที่มองหาวิธีการฝึกปรือทักษะของตัวเองให้เฉียบคม ก็ได้เปิดตัวแอปไปแล้วมากกว่า 1,500 แอป
และยังมี Entrepreneur Camp และโครงการ App Accelerator ที่ช่วยนักพัฒนาจำนวนมากในการทำให้แอปที่ดีอยู่แล้วยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ด้วยการเน้นเป็นพิเศษที่แหล่งข้อมูลสำหรับผู้หญิงและชุมชนชาวผิวสี ส่วนเครื่องมือที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่าง Everyone Can Code, App Development ใน Swift และ Swift Playgrounds ก็ได้ช่วยนักพัฒนารุ่นใหม่ๆ ในการเข้าสู่วงการแอป ด้วยการเข้าถึงนักเรียนและนักการศึกษาเกือบ 2 ล้านคนในปี 2020 เพียงปีเดียว
ทุกๆ ปี นักเรียนที่เป็นนักพัฒนานับหลายร้อยคนจะได้รับเลือกเป็นผู้ชนะเพื่อรับทุนการศึกษาในงาน Worldwide Developer Conference (WWDC) ของ Apple ซึ่งในปี 2017 หนึ่งในผู้ชนะก็คือ Vladimir Danila เด็กหนุ่มวัย 17 ปีจากเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และในปลายปีนั้นเอง Danila ก็ได้เปิดตัว Vectornator แอปกราฟิกดีไซน์ที่นับแต่นั้นมามียอดดาวน์โหลดมากกว่า 4 ล้านครั้ง
“WWDC ช่วยเชื่อมโยงผมกับชุมชนนักพัฒนาทั่วโลกและในเยอรมนี” Danila บอก “ความสัมพันธ์เหล่านั้นช่วยให้ผมได้รู้จักผู้คนที่มีความคิดเหมือนกัน และความคิดเห็นของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่มีค่ามาก และนับจากงานนั้น เราก็ได้เพิ่มนักเรียนที่ได้ทุนจาก WWDC อีกสี่คนเข้ามาในทีม เราร่วมผลักดันกันและกันไปข้างหน้า ซึ่งนั่นเป็นเรื่องสำคัญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในการเติบโตและการพัฒนาของเรา”
ธุรกิจขนาดเล็กนอกเหนือจากนักพัฒนาที่ได้รับประโยชน์จากแอปมาร์เก็ตเพลส
แอปจำนวนหนึ่งบน App Store ได้สร้างมาร์เก็ตเพลสหรือตลาดดิจิทัลของตนเอง ซึ่งได้กลายมาเป็นแพลตฟอร์มใหม่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กในการเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งของมาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ได้สร้างแนวทางพิเศษเฉพาะตัว อย่างเช่น EatOkra ซึ่งช่วยลูกค้าในการค้นหาร้านอาหารที่มีคนผิวดำเป็นเจ้าของ หรือ Etsy ซึ่งอนุญาตให้ศิลปินและผู้สร้างแชร์ผลงานของตนกับผู้คนทั่วโลก
Lake เป็นแอประบายสีที่นำเสนองานศิลปะของศิลปินมากกว่า 80 คน หลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม 2017 โดยทีมงานที่มีอยู่ 5 คนจากเมืองลูบลิยานา ประเทศสโลวีเนีย แอปก็มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 8 ล้านครั้ง
“เราภูมิใจที่เราได้สร้างชุมชนของศิลปินจากทั่วโลก ซึ่งสามารถสร้างรายได้ที่แน่นอนด้วยแอป Lake” Goran Ivašić หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบอก “ศิลปินจากบางประเทศซึ่งมีช่วงเวลาสองสามปีนี้ที่ค่อนข้างย่ำแย่ บอกกับเราว่ารายได้นี้ถือเป็นตัวช่วยชีวิต และศิลปินและผู้ใช้จำนวนมากของเราเป็นผู้หญิง ทำให้การสร้างพื้นที่ดีๆ แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อการแสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์และการยอมรับความแตกต่างนั้นมีความหมายสำหรับเราอย่างมาก”
แอปเพิ่มอำนาจให้ธุรกิจแบบดั้งเดิมสามารถทำอะไรๆ ได้มากขึ้นบนโลกออนไลน์
การศึกษาเน้นไปที่ปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่แอปมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการช่วยให้เพื่อนร่วมงานสามารถทำงานร่วมกัน ครูสามารถช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วม และครอบครัวกับเพื่อนๆ สามารถติดต่อกันและกันได้ และ App Store ยังได้มอบเครื่องมือและแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจที่มีร้านค้าแบบดั้งเดิมในการย้ายมาสู่โลกออนไลน์ ซึ่งเป็นตัวช่วยทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งในช่วงสถานการณ์โรคระบาด และในขณะที่หลายๆ บริษัทต่างต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกดิจิทัลที่ขยายตัวขึ้น
Rogers-O’Brien เป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาธุรกิจของตนเอง การใช้ iPad และแอปที่มีอยู่หลากหลาย ช่วยให้บริษัทสามารถทำรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า จาก 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2012 เป็นมากกว่า 705 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา
“การพาธุรกิจของเราเข้าสู่โลกดิจิทัลด้วยแพลตฟอร์มของ Apple เป็นการพลิกสถานการณ์อย่างแท้จริง” Todd Wynne ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรมของ Rogers-O’Brien กล่าว “นี่ช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนโฉมสิ่งที่เราทำในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่การทำให้พิมพ์เขียวตัวจริงขนาดมหึมากลายเป็นสิ่งที่พกพาไปไหนก็ได้ ไปจนถึงการปฏิวัติกลไกการรายงานเรื่องความปลอดภัยและสถานการณ์ในแต่ละวัน ตอนนี้เราได้ใช้โดรน ซึ่งทำให้เห็นภาพของโครงการก่อสร้างของเราที่เราไม่เคยมีมาก่อน หนึ่งในคุณค่าหลักของเราก็คือ “วิถีที่ดียิ่งกว่า” และแอปก็ช่วยให้เราทำคุณค่านี้ให้เป็นจริงได้อย่างแท้จริง”
App Store ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2008 เป็นตลาดสำหรับแอปที่ปลอดภัยและคึกคักที่สุดในโลก เป็นแหล่งรวมของแอปมากถึง 1.8 ล้านแอป ซึ่งมีผู้คนมากกว่า 500 ล้านคนจาก 175 ประเทศเข้าเยี่ยมชมในแต่ละสัปดาห์ ที่นี่ช่วยให้ผู้สร้าง นักฝัน และผู้ใฝ่รู้ทุกวัยและทุกพื้นฐานได้เชื่อมโยงกับเครื่องมือและข้อมูลที่ทุกคนต้องการ เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสกว่าและโลกที่ดียิ่งกว่าเดิม