‘ธนาธร’ โวยผู้มีอำนาจเล่นงาน ฟ้อง ม.116 สกัดลงการเมือง ลั่นพร้อมสู้ทุกคดี ไม่มีอะไรหยุดได้ ชี้ระบอบประยุทธ์ยังอยู่ ต้องเอาประเทศกลับมาเป็นประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีถือหุ้นสื่อว่า เรายืนยันความบริสุทธิ์ใจ พร้อมต่อสู้คดี ถือว่าอัยการฯได้มีคำตัดสินมาแล้ว ตนขอบคุณที่ให้ความเป็นธรรม ส่วนคดีที่อัยการสูงสุดชี้ขาดมีคำสั่งฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น ร่วมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้านั้น ยืนยันว่าคดีนี้ผู้มีอำนาจต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดยั้งเรา ก็พร้อมสู้ทุกคดี ตนเข้ามาทำงานการเมืองวันนี้ 4 ปีแล้ว ไม่เคยมีครั้งไหนจะคิดทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลย
“คดีความต่างๆ ที่เล่นงานผมและพรรคพวก ไม่ว่าจะเป็นนายปิยบุตร แสงกนกกุล หรือแกนนำพรรคอนาคตใหม่อื่นๆ เป็นแรงผลักดันทางการเมือง เพื่อต้องการหยุดยั้งเรา ขอย้ำว่าคดีต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจจริงของเราได้ เราจะทำงานเต็มที่ต่อไปเรื่อยๆ” นายธนาธร กล่าว
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ 2ป. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ) แยกกันเดิน นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่รู้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ระบอบประยุทธ์ ไม่ว่าจะพล.อ.ประยุทธ์จะยังอยู่หรือไม่ ระบอบประยุทธ์ก็ยังอยู่กับเรา ระบอบประยุทธ์ใหญ่กว่าตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง มันอยู่ในประกาศคำสั่งคสช. องค์กรอิสระต่างๆ และอยู่ในรูปแบบร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงวิธีคิดต่างๆ ตนคิดว่ายังไงก็ต้องเอาประเทศไทยกลับมาเดินในแนวทางประชาธิปไตยให้ได้
“ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นหัวหน้าพรรคไหน จะทำการเมืองต่อหรือไม่ก็ตาม ยังไงก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญ แก้เรื่องที่มาขององค์กรอิสระ ผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น แต่จาก คสช. ต่อมาถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 2 ก็มีแนวโน้มปิดกั้นการกระจายอำนาจ”
เมื่อถามย้ำว่า 2ป.อยู่ด้วยกัน กับ 2 ป. แยกกันเดิน อย่างไหนสู้ยากกว่ากัน นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น อย่างที่บอก เราพยายามตั้งใจทำงานให้เต็มที่มากที่สุด ให้ประชาชนเห็นความตั้งใจของเรา ปัจจัยอื่นๆ ที่ควบคุมและจัดการไม่ได้ไม่ต้องไปกังวล เรากังวลกับสิ่งที่อยู่ในขอบเขตที่เราสามารถทำให้ดีขึ้นได้ ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขต อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราพร้อมรับทุกสถานการณ์
เมื่อถามว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญไม่ทันก่อนการเลือกตั้ง นายธนาธร กล่าวว่า แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับคงจะไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่พอมีหวังตอนนี้คือแก้รัฐธรรมนูญฉบับที่อยู่ในรัฐสภาวันนี้ คือเรื่องหมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น และการให้ประชาชนทำประชามติถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่า 2 เรื่องนี้พอมีความเป็นไปได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 2 ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แบบหาร 100 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ในส่วนของพรรคก้าวไกลยังมีหวังที่จะสู้ชนะหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ก็ต้องถามพรรคก้าวไกล ตนตอบแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้ เชื่อว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และพรรคก้าวไกลทั้งพรรค ทุกคนพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่ว่ากฎกติกาจะเป็นแบบไหน
เมื่อถามย้ำว่า คิดว่าสูตรหาร 100 พรรคก้าวไกลจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ นายธนาธร กล่าวว่า กติกาการเลือกตั้งถึงแม้จะทำมาซึ่งการเสียเปรียบ แต่เราพร้อม เชื่อว่าผลงานตอนพรรคอนาคตใหม่ในสภาฯ ผลงานของคณะก้าวหน้าในการเมืองท้องถิ่น หวังว่าประชาชนจะเห็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เข้าใจในสิ่งที่พวกเราพยายามทำ เข้าใจความหวังดีของพวกเรา และกลับมาเป็นคะแนนสนับสนุนพวกเรา